ชุมพร - อัยการสั่งฟ้องแล้วคดี 2 แกนนำ ปปกส.ชุมพร ความผิดหลายกระทง ฐานขัดขวางการเลือกตั้ง ปี 57 เจ้าตัวเผยเจตนาดี ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรง หากมีการเลือกตั้งประเทศไทยจะเกิดสงครามกลางเมือง
วันที่ 26 เม.ย.) นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ ส.อบจ.ชุมพร กล่าวว่าเมื่อวานที่ผ่านมา น.ส.ศิริพร แดงบำรุง ทนายความ ได้นำตนกับ น.ส.อัจฉราพรรณ หอมรส เข้าพบพนักงานอัยการจังหวัดชุมพร เพื่อรับทราบคำสั่งฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อปี 2557 พร้อมกับนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดชุมพร และ ศาลจังหวัดชุมพรได้ประทับรับฟ้องตนทั้ง 2 คนในฐานะเป็นแกนนำ กปปส. ซึ่งได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และนำหลักทรัพย์ขอยื่นประกันตัวคนละ 1 แสน โดยศาลจังหวัดชุมพรได้อนุญาตให้ประกันตัวได้
ซึ่งตนยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ของคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน เพราะ กกต.กลาง ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนั้นอย่างไม่เป็นธรรมกับสถานการณ์บ้านเมือง ที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูงและรุนแรง ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมาก ตนในฐานะคนไทยพร้อมกับชาวบ้านจำนวนมากได้ไปแสดงออกด้วยเจตนาดีต่อประเทศชาติ เพราะท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและในหมู่ประชนขยายวงกว้างไปทั่วประเทศไทย หากมีการเลือกตั้งประเทศไทยอาจจะเกิดสงครามกลางเมือง การรวมตัวกันไปแสดงออกในครั้งนั้นไม่ได้ปิดล้อมหรือทำลายทรัพย์สินทางราชการแต่อย่างใด ซึ่งตนยอมรับในกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าคำพิพากษาจะมีผลออกมาอย่างไร ตนพร้อมที่จะยอมรับไม่หลบหนีไปไหนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว พนักงานอัยการจังหวัดชุมพร เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ และ น.ส.อัจฉราพรรณ หอมรส คดีหมายเลขดำที่ 1068/60 ต่อศาลจังหวัดชุมพร ฐานความผิดร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด คณะอนุกรรมการหรืออนุกรรมการ และร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการหน้าที่ และร่วมกันกระทำการใดโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิ์ได้ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 4,43 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 4,47,152 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84,91,138 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
โดยจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมหลายวาระ เกิดเหตุระหว่างวันที่ 29 มกราคม 2557 กลางวันถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง 2 เป็นแกนนำกลุ่มมวลชน คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)จังหวัดชุมพร ร่วมกันชุมชนปิดล้อมศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งใช้เป็นที่เก็บรักษาบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และจังหวัดพังงา ทำให้เจ้าพนักงานตามกฎหมายเข้าไปตรวจรับเอาบัตรเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดไม่ได้ อันเป็นการกระทำที่ขัดขวางต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย โดยมีเจตนาเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหัดดังกล่าวสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้
วันที่ 26 เม.ย.) นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ ส.อบจ.ชุมพร กล่าวว่าเมื่อวานที่ผ่านมา น.ส.ศิริพร แดงบำรุง ทนายความ ได้นำตนกับ น.ส.อัจฉราพรรณ หอมรส เข้าพบพนักงานอัยการจังหวัดชุมพร เพื่อรับทราบคำสั่งฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อปี 2557 พร้อมกับนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดชุมพร และ ศาลจังหวัดชุมพรได้ประทับรับฟ้องตนทั้ง 2 คนในฐานะเป็นแกนนำ กปปส. ซึ่งได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และนำหลักทรัพย์ขอยื่นประกันตัวคนละ 1 แสน โดยศาลจังหวัดชุมพรได้อนุญาตให้ประกันตัวได้
ซึ่งตนยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ของคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน เพราะ กกต.กลาง ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนั้นอย่างไม่เป็นธรรมกับสถานการณ์บ้านเมือง ที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูงและรุนแรง ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมาก ตนในฐานะคนไทยพร้อมกับชาวบ้านจำนวนมากได้ไปแสดงออกด้วยเจตนาดีต่อประเทศชาติ เพราะท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและในหมู่ประชนขยายวงกว้างไปทั่วประเทศไทย หากมีการเลือกตั้งประเทศไทยอาจจะเกิดสงครามกลางเมือง การรวมตัวกันไปแสดงออกในครั้งนั้นไม่ได้ปิดล้อมหรือทำลายทรัพย์สินทางราชการแต่อย่างใด ซึ่งตนยอมรับในกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าคำพิพากษาจะมีผลออกมาอย่างไร ตนพร้อมที่จะยอมรับไม่หลบหนีไปไหนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว พนักงานอัยการจังหวัดชุมพร เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ และ น.ส.อัจฉราพรรณ หอมรส คดีหมายเลขดำที่ 1068/60 ต่อศาลจังหวัดชุมพร ฐานความผิดร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด คณะอนุกรรมการหรืออนุกรรมการ และร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการหน้าที่ และร่วมกันกระทำการใดโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิ์ได้ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 4,43 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 4,47,152 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84,91,138 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
โดยจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมหลายวาระ เกิดเหตุระหว่างวันที่ 29 มกราคม 2557 กลางวันถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง 2 เป็นแกนนำกลุ่มมวลชน คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)จังหวัดชุมพร ร่วมกันชุมชนปิดล้อมศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งใช้เป็นที่เก็บรักษาบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และจังหวัดพังงา ทำให้เจ้าพนักงานตามกฎหมายเข้าไปตรวจรับเอาบัตรเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดไม่ได้ อันเป็นการกระทำที่ขัดขวางต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย โดยมีเจตนาเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหัดดังกล่าวสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้