ชุมพร - ผู้ว่าฯ ชุมพร ทหาร สรุปการตรวจสอบ น.ส.3 ก.ทั้ง 27 แปลง เนื้อที่กว่า 700 ไร่ ของนายทุนอยู่กลางพื้นที่ชุ่มน้ำแก้มลิง โครงการตามพระราชดำริฯ ส่งข้อมูลถึงอธิบดีกรมที่ดิน ยันให้เพิกถอน
หลังจากกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทวงคืนพื้นที่ชุ่มน้ำสาธารณะแก้มลิงหนองใหญ่ ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร โครงการตามพระราชดำริฯ ในหลวง ร.9 กว่า 2,000 ไร่ เพื่อขอให้ตรวจสอบเพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3ก. ที่นายทุนยื่นขอรังวัดออกโฉนดที่ดินกว่า 700 ไร่ ในพื้นที่ดังกล่าว จนผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งระงับ และให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข่าวที่เสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
วันนี้ (26 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ว่า พล.ท.ชัยณรงค์ แกล้วเกล้า ผอ.ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4.กอ.รมน.) และคณะ เดินทางมาตรวจสอบการบุกรุกที่ดินกรณีดังกล่าว ร่วมกับ นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พ.อ.พรชัย อินทนู เสนาธิการ มทบ.44 พ.ท.ดุสิต เกษรแก้ว หน.ฉก.แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน บก.ควบคุม มทบ.44 นายธีรพล ไชยวงศ์ รักษาการที่ดินจังหวัดชุมพร นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมืองชุมพร นายวีรวัฒน์ จันทรักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลบางลึก พร้อมแกนนำกลุ่มปกป้องบ้านพ่อและหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบในพื้นที่จริง โดยคณะผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ล่องเรือลงพื้นที่จริงบริเวณป่าชุ่มน้ำที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้ น้ำเขียวขจีปกคลุมทั่วบริเวณ มีทั้งสัตว์น้ำ สัตว์ป่า และสัตว์ปีก อาศัยอยู่อย่างชุกชุมจำนวนมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ออกเอกสารสิทธิ น.ส.3ก.ทั้ง 27 แปลงกว่า 700 ไร่ ให้แก่บริษัทนายทุน
การสำรวจพบว่า พื้นที่พิพาททั้ง 27 แปลง อยู่กลางหนองน้ำสาธารณะบริเวณแก้มลิงด้านซ้ายตอนบนทิศตะวันตก ติดกับสปรีลเวย์ และประตูระบายน้ำราชประชานุเคราะห์ 1, 2, 3 เพื่อผันน้ำลงสู่คลองหัววังพนังตักหรือ “คลองในหลวง” และแก้มลิงด้านขวาทิศใต้เพื่อกักเก็บน้ำและระบายลงสู่ทะเลป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในตัวเมืองชุมพร ซึ่งนอกจากนั้นพบหลักหมุดรังวัดจำนวนหลายจุดที่เจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดชุมพร สำรวจรังวัดเพื่อเตรียมออกโฉนดจากเอกสาร น.ส.3ก.ทั้ง 27 แปลง ให้แก่บริษัทนายทุน โดยหมุดส่วนใหญ่ปักอยู่บนคันดินซึ่งจากเดิมเป็นน้ำท่วมขังในระดับที่สูงมิดหัวที่กรมชลประทานขุดขึ้นมาทำเป็นแนวคันลำคลองเพื่อใช้ผันน้ำจากคลองต้นน้ำลงสู่แก้มลิง โดยคณะทั้งหมดได้ใช้เวลาสำรวจพื้นที่จริงนานเกือบ 2 ชั่วโมง
พล.ท.ชัยณรงค์ แกล้วเกล้า ผอ. ศปป.4.กอ.รมน. กล่าวว่า จาการตรวจสอบข้อมูล และการตรวจสอบของชุดเฉพาะกิจ มทบ.44 โดยใช้แผนที่ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2500 และจากข้อมูลการประชุมร่วมกันของหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่พบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชุ่มน้ำถาวร ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ เห็นสมควรให้เพิกถอนที่ดิน น.ส.3 ก.ทั้ง 27 แปลง และจากข้อมูลทราบว่าเมื่อปี พ.ศ.2555 คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดชุมพร ได้มีมติเพิกถอนการออก น.ส.3 ทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไรไปแล้ว แต่เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนอำนาจของอธิบดีกรมที่ดิน เราจึงต้องนำข้อมูลจากการตรวจทั้งหมดในครั้งนี้ส่งยืนยันไปยังอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อยืนยันการเพิกถอนอีกครั้ง คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 เดือน คงจะแล้วเสร็จ
ด้าน นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า หลังชาวบ้านร้องเรียนและตนได้สำรวจพื้นที่จริงพบว่า พื้นที่ออก น.ส.3 ก.ทั้ง 27 แปลง เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ น้ำท่วมขังตลอดปี ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นจริงตามที่ชาวบ้านร้องเรียน จึงได้สั่งชะลอการสำรวจปักหมุดเพื่อรังวัดออกโฉนดที่ดินทั้ง 27 แปลง ของเจ้าหน้าที่ที่ดิน เนื่องจากเห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง และจากการตรวจสอบขณะนี้ทราบชัดเจนแล้วว่า เป็นหนองน้ำสาธารณะ จึงต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนต่อไป หลังจากได้พื้นที่กลับคืนมาแล้ว ทางจังหวัดจะอนุรักษ์พื้นที่ตรงนี้ไว้เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ ๙ และจะทำเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง และพัฒนาเป็นแหล่งท่อเที่ยวต่อไป