ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พ่อวัยโจ๋มีปัญหาทะเลาะกับภรรยา ก่อเหตุหอบลูกสาววัย 11 เดือน ออกจากบ้านจนญาติต้องตามหาวุ่นก่อนพบกำลังแพร่ภาพถ่ายทอดสดผ่านทางเฟซบุ๊กนาทีใช้เชือกผูกคอลูกสาว แจ้งตำรวจออกตามหาแต่สุดท้ายไม่ทัน พบทั้งพอทั้งลูกเสียชีวิตจากการใช้เชือกผูกคอแล้ว
เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ (24 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนผูกคอตาย 2 ศพ เหตุเกิดที่บริเวณโรงแรมร้าง ม.2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง ร.ต.ท.จุลอัศว์ สุวรรณิน รอง สว.สอบสวน สภ.สาคู จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลถลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สาคู และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมร้าง มองจากด้านล่างขึ้นไปที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นพื้นที่ว่าง พบศพผู้เสียชีวิตใช้เชือกไนลอนสีขาวผูกคอติดกับโครงเหล็ก ติดกันพบศพเด็กหญิงวัย 11 เดือน สภาพถูกผูกคอด้วยเชือกไนลอนเช่นเดียวกัน จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิต คือ นายวุฒิสรรค์ ว่องทะเล อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/2 ถนนมนตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต สวมเสื้อแขนยาวสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ หันหน้าติดกำแพงของโรงแรม และติดกันพบบุตรสาวของผู้ตาย เป็นเด็กหญิงอายุ 11 เดือน สภาพถูกผูกคอด้วยเชือกไนลอนสีขาว สวมชุดลายดอกไม้สีชมพู คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำ 2 ชั่วโมง
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แกะเชือกแล้วนำศพทั้ง 2 คน ส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อให้แพทย์ชันสูตร และจากการตรวจสอบพื้นที่ว่างของโรงแรมพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย 1 เครื่องวางอยู่ ใกล้กันพบกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลวางอยู่ นอกจากนั้น ยังพบขวดน้ำโค้ก 1 ขวด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเหตุผู้ตายได้มีปัญหาทะเลาะกับภรรยา แล้วภรรยาได้ออกจากบ้านไปนอนบ้านของพี่ชาย ทำให้ผู้ตายเครียด และไปพาตัวบุตรสาวของตนเองหนีหายไป ภรรยา และญาติจึงออกตามหา จนกระทั่งไปพบเฟซบุ๊กของผู้ตายกำลังถ่ายทอดสดภาพกำลังใช้เชือกผูกคอของบุตรสาว โดยไม่ระบุว่าจุดที่เกิดเหตุอยู่ที่ไหน ทางภรรยา และญาติจึงเข้าแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.ถลาง เพื่อติดตามตัว แต่ไม่พบจนกระทั่งมีคนพบกลายเป็นศพเสียชีวิตแล้วทั้ง 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ผู้ตายแพร่ภาพสดการก่อเหตุดังกล่าวได้มีคนเข้าชมเป็นจำนวนมาก และมีการแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งของผู้ตายที่เข้าไปที่แสดงความอาลัยกันเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ (24 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนผูกคอตาย 2 ศพ เหตุเกิดที่บริเวณโรงแรมร้าง ม.2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง ร.ต.ท.จุลอัศว์ สุวรรณิน รอง สว.สอบสวน สภ.สาคู จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลถลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สาคู และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมร้าง มองจากด้านล่างขึ้นไปที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นพื้นที่ว่าง พบศพผู้เสียชีวิตใช้เชือกไนลอนสีขาวผูกคอติดกับโครงเหล็ก ติดกันพบศพเด็กหญิงวัย 11 เดือน สภาพถูกผูกคอด้วยเชือกไนลอนเช่นเดียวกัน จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิต คือ นายวุฒิสรรค์ ว่องทะเล อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/2 ถนนมนตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต สวมเสื้อแขนยาวสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ หันหน้าติดกำแพงของโรงแรม และติดกันพบบุตรสาวของผู้ตาย เป็นเด็กหญิงอายุ 11 เดือน สภาพถูกผูกคอด้วยเชือกไนลอนสีขาว สวมชุดลายดอกไม้สีชมพู คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำ 2 ชั่วโมง
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แกะเชือกแล้วนำศพทั้ง 2 คน ส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อให้แพทย์ชันสูตร และจากการตรวจสอบพื้นที่ว่างของโรงแรมพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย 1 เครื่องวางอยู่ ใกล้กันพบกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลวางอยู่ นอกจากนั้น ยังพบขวดน้ำโค้ก 1 ขวด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเหตุผู้ตายได้มีปัญหาทะเลาะกับภรรยา แล้วภรรยาได้ออกจากบ้านไปนอนบ้านของพี่ชาย ทำให้ผู้ตายเครียด และไปพาตัวบุตรสาวของตนเองหนีหายไป ภรรยา และญาติจึงออกตามหา จนกระทั่งไปพบเฟซบุ๊กของผู้ตายกำลังถ่ายทอดสดภาพกำลังใช้เชือกผูกคอของบุตรสาว โดยไม่ระบุว่าจุดที่เกิดเหตุอยู่ที่ไหน ทางภรรยา และญาติจึงเข้าแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.ถลาง เพื่อติดตามตัว แต่ไม่พบจนกระทั่งมีคนพบกลายเป็นศพเสียชีวิตแล้วทั้ง 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ผู้ตายแพร่ภาพสดการก่อเหตุดังกล่าวได้มีคนเข้าชมเป็นจำนวนมาก และมีการแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งของผู้ตายที่เข้าไปที่แสดงความอาลัยกันเป็นจำนวนมาก