กระบี่ - ชาวบ้านตำบลทับปริก อ.เมืองกระบี่ กว่า 60 ครัวเรือน ร้องศูนย์ดำรงธรรม โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มปล่อยน้ำเสียลงคลองสาธารณะ ต้นน้ำผลิตน้ำประปาการประปาภูมิภาค และปล่อยมลพิษส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านมานานกว่า 1 ปี ไร้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล ด้านอุตสาหกรรมจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่รับเรื่อง ดำเนินการตรวจ และแก้ปัญหาภายใน 15 วัน
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (24 เม.ย.) ตัวแทนชาวบ้าน ม.5 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ กว่า 60 ครัวเรือน ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ หลังได้รับความเดือดร้อนจากมลพิษที่มาจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ป.พาณิชย์รุ่งเรือง ตั้งอยู่ในพื้นที่ พร้อมนำหลักฐานภาพถ่ายขณะที่ทางโรงงานปล่อยมลพิษ และปล่อยน้ำเสียลงในลำคลองสาธารณะ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วชุมชน สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ชาวบ้านมานานกว่า 1 ปี โดยมี น.ส.สายไหม จิตมัง นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ ออกมารับฟังปัญหา พร้อมประสาน อุตสาหกรรมจังหวัดมารับหนังสือร้องเรียน โดยมี นายจิณวัฒน์ อนันทมาศ วิศวกรปฏิบัติงาน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ เป็นผู้รับเรื่อง
นายสงวน มุ่งหมาย อาย 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97/1 ม.5 ต.ทับปริก กล่าวว่า ตั้งแต่มีการสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่ เมื่อปีที่ผ่านมา ชาวบ้านก็ต้องทนทุกข์ทรมานต่อกลิ่นเหม็นจากโรงงานบ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งปีนี้ เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงกลางคืน เด็กในหมู่บ้านก็กลายเป็นโรคระบบทางเดินหลายใจหลายราย ขณะที่วัดทับปริก ซึ่งอยู่ใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบจากกลิ่นดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ทางโรงงานดังกล่าวยังมีการปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำคลองสาธารณะ ซึ่งเป็นลำคลองต้นน้ำในพื้นที่ที่ใช้ผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน และผิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค จ.กระบี่
นอกจากนี้ ชาวบ้านก็เป็นโรคผิวหนังหลายราย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาชาวบ้านได้แจ้งให้ทาง อบต.ทับปริก รับทราบแล้ว และไม่สามารถแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้ จึงได้รวมตัวมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา เพราะชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมานานกว่า 1 ปีแล้ว
ด้าน นายจิณวัฒน์ อนันทมาศ วิศวกรปฏิบัติงาน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังจากนี้จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานดังกล่าวว่า มีการควบคุมการปล่อยมลพิษ มีระบบป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพตามมาตรฐานตามระเบียบของอุตสาหกรรมกำหนดไว้หรือไม่ โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหา คาดว่าจะใช้เวลา 15 วัน จึงจะทราบผล
ขณะที่ชาวบ้านที่มาร้องเรียนระบุว่า หลังจากนี้หากยังไม่ดำเนินการแก้ไขก็จะเดินทางร้องเรียนอีกครั้ง และจะมีการยกระดับต่อไป