ชุมพร - ผู้ว่าฯ ชุมพร ยันหลักฐานแผนที่ทางทหาร ปี 2501 พบออก น.ส.3ก. ของนายทุนทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ อยู่กลางบึงหนองน้ำสาธารณะ “แก้มลิงหนองใหญ่” มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี เตรียมเสนอยืนยันถึงอธิบดีกรมที่ดินให้เพิกถอน
หลังจากกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดป้ายประท้วงขอทวงคืนพื้นที่ชุ่มน้ำสาธารณะแก้มลิงหนองใหญ่ ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร โครงการตามพระราชดำริฯ ในหลวง ร.9 กว่า 2,000 ไร่ เพื่อขอให้ตรวจสอบเพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3ก. ที่นายทุนยื่นขอรังวัดออกโฉนดกว่า 700 ไร่ ในพื้นที่ดังกล่าว จนผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งระงับ และให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 30 วัน ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2560 นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ลงพื้นที่แก้มลิงหนองใหญ่ โครงการตามพระราชดำริฯ รัชกาลที่ 9 หมู่ที่ 12 ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร พบกับ พ.ท.ดุสิต เกษรแก้ว หน.ฉก.แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ บก.ควบคุม มทบ.44 เพื่อสอบถามพูดคุยความคืบหน้าในการลงพื้นที่รังวัดหาพิกัดขอบเขตหนองน้ำสาธารณะหนองใหญ่ พื้นที่ถูกนายทุนบุกรุกออกเอกสารสิทธิ น.ส.3ก. กว่า 700 ไร่ดังกล่าว
นายณรงค์ กล่าวว่า หลังมีการร้องเรียนตนได้สั่งการให้สำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร ออกรังวัดหาขอบเขตที่ชัดเจนของพื้นที่หนองน้ำสาธารณะทุ่งหนองใหญ่ โดยยึดเอาหลักฐานเอกสารสิทธิของชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งระบุขอบเขตว่าจดกับหนองน้ำสาธารณะทุ่งหนองใหญ่ โดยกำหนดระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ และทราบว่ามีความคืบหน้าไปแล้ว 80-90%
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของชุด ฉก.บก.ควบคุม มทบ.44 ซึ่งได้ลงมาตรวจสอบรังวัดหาพิกัดขอบเขตหนองน้ำสาธารณะหนองใหญ่ ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะนำรูประวางแผนที่รังวัดขอบเขตทั้งของฝ่ายทหาร และของสำนักงานที่ดินจังหวัดมาครอบเปรียบเทียบเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ขอบเขตตามความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งจากข้อมูลของฝ่ายทหารได้ยึดแผนที่ทางทหารที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2501 และเมื่อเปรียบเทียบภาพถ่ายย้อนหลังหาจุดพิกัดขอบเขตหนองน้ำสาธารณะหนองใหญ่แล้ว ทำให้ทราบว่า พื้นที่จุดที่ออก น.ส.3ก.ทั้ง 27 แปลง อยู่กลางบึงกลางหนองน้ำสาธารณะที่มีน้ำท่วมขังสูงตลอดปี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการทำประโยชน์ และสามารถออกเอกสารสิทธิได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้มีการร้องเรียนมานานแล้วก่อนที่ตนจะย้ายมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และก่อนหน้านี้ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดชุมพร ก็ได้มีมติเพิกถอน น.ส.3ก.ทั้ง 27 แปลง มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 และได้ส่งเรื่องให้อธิบดีกรมที่ดินพิจารณาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งหลักฐานที่ได้มาทั้งหมดในการตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ตนจะนำเสนอต่ออธิบดีกรมที่ดินอีกครั้ง เพื่อยืนยันข้อมูลหลักฐานตามที่ กบร.จังหวัดมีติเพิกถอนในครั้งนั้นว่าพื้นที่น้ำท่วมขังตลอดทั้งปีดังกล่าวเป็นพื้นที่หนองน้ำสาธารณประโยชน์ ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิให้แก่ผู้ใดได้