สตูล - แชร์กระฉ่อนโซเซียล! เรียกเก็บเงินเหยียบเกาะหลีเป๊ะหัวละ 50 บาท มัคคุเทศก์แ ละผู้ประกอบการโร่ร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จี้สอบต้นตอมาเฟียเก็บค่าหัว หวั่นเสียภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว
วันนี้ (8 เม.ย.) นายไกรวุฒิ ชูสกุล ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล และเป็นตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับความเดือดร้อน หลังกรณีมีข่าวหนุ่มชายฉกรรจ์ 2-3 คน ยืนขวางนักท่องเที่ยวริมชายหาดบนเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ไม่ให้ขนกระเป๋าลงจากเรือ โดยต้องจ่ายเงินก่อน และอ้างว่าเป็นค่าเรือหางยาว แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวหลายคนไม่ยอม จนมีคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์ มีผู้คนเข้ามากดไลก์ และเขียนต่อว่าเกาะหลีเป๊ะ เมืองแห่งผู้มีอิทธิพล วอนเจ้าหน้าที่ทหารลงปราบปรามให้สิ้นซาก
นายไกรวุฒิ ชูสกุล ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล กล่าวว่า ได้มายื่นหนังสือต่อทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล เพื่อให้รับข้อพิจารณาแก้ไข และหาทางออกในด้านเรื่องท่องเที่ยว เพราะกรณีที่มีชายฉกรรจ์มาเรียกเก็บเงินนักท่องเที่ยว ท่าทางเหมือนข่มขู่เสียงดัง ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเสียหาย จนล่าสุด ทำให้นักท่องเที่ยวกลัว บางรายที่เคยจองห้องพักจะมาเที่ยวก็ยกเลิกบ้างเพราะมองว่าเกาะหลีเป๊ะเป็นเมืองเถื่อน
เช่นเดียวกับ นายนันทพล เบ็นเด็น กลุ่มมัคคุเทศก์จังหวัดสตูล กล่าวว่า บางครั้งไม่ยอมให้นักท่องเที่ยวลงจากเรือต้องจ่ายคนละ 50 บาท อ้างว่าเป็นชมรมเรืองหางยาวต้องจ่าย ซึ่งความเป็นจริงสมัย 2-3 ปีที่ผ่านมา บริเวณทางทะเลรอบนอกใกล้เกาะหลีเป๊ะ จะมีโป๊ะรองรับนักท่องเที่ยวลงเรือ แล้วก็มีเรือหางยาวมารับอีกทอดไปส่งยังที่ริมชายหาดเกาะหลีเป๊ะ แต่เมื่อถูกพายุพัดโป๊ะชำรุดพัง และนำไปซ่อมแซมจนป่านนี้ยังไม่มี ผ่านมาหลายปีต้องนำเรือเข้าฝั่ง ซึ่งหมายความว่า เราไม่ต้องใช้บริการเรือหางยาว จนล่าสุด 1 ปีที่ผ่านนี้เอง มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาเรียกเก็บเงินทางนักท่องเที่ยวเป็นรายหัว หัวละ 50 บาท 10 คน หรือ 20 คน วันๆ หนึ่งนักท่องเที่ยวลงเกาะไม่ต่ำกว่า 2,000 คนต่อวัน กลุ่มเหล่านี้ได้เท่าไหร่แล้ว
จึงมาร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล เพื่อขอให้ทาง จ.สตูล หาทางออก และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งพบว่าอาจจะมีข้าราชการในพื้นที่เห็นด้วยต่อการเก็บเงิน หรือปล่อยปละละเลย จึงต้องการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาใหม่ มาสอบข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่ชุดที่ลงเกาะหลีเป๊ะในปัจจุบัน เพื่อความโปร่งใส และสืบสวนที่มาที่ไป
ขณะเดียวกัน ที่ห้องประชุมท่าเทียบเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล พล.ท.เจตน์พัธน์ ศรีวงศ์ รอง ผอ.รมน.จ.สตูล ได้ประชุมผู้ประกอบการเรือสปีดโบตที่เดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งถูกกลุ่มผู้ประกอบการเรือสปีดโบตด้วยกันร้องเรียนว่า ไม่ทำตามกฎกติกาที่ได้ร่วมลงมติกันไว้ โดยแต่เดิมเรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ จะจอดเรือที่โป๊ะ และผู้โดยสารจะต่อเรือหางยาวของชาวเลเกาะหลีเป๊ะ เพื่อไปยังชายหาด ซึ่งต้องจ่ายค่าเรือหางยาวคนละ 40 บาท ให้แก่ชาวเล
แต่หลังจากที่โป๊ะเทียบเรือได้ชำรุดอยู่ระหว่างการซ่อมแซม ผู้ประกอบการเรือสปีดโบตก็ส่งผู้โดยสารถึงชายหาดเกาะหลีเป๊ะ แต่มีข้อตกลงกันว่าต้องเก็บเงินค่าเรือหางยาว (เดิม) จากผู้โดยสาร 40 บาท ให้แก่ชาวเลเหมือนเดิม และชาวเลต้องมาช่วยขนย้ายสิ่งของ หรืออุปกรณ์ของนักท่องเที่ยว หรือผู้โดยสารให้ถึงที่พักด้วย
แต่มีผู้ประกอบการเรือสปีดโบตบางรายไม่ยอมเก็บเงินจากผู้โดยสารเพื่อจ่ายให้แก่ชาวเล ทำให้ค่าโดยสารของผู้ประกอบการรายนั้นถูกกว่าผู้ประกอบการรายอื่น 40 บาท ทำให้ผู้ประกอบการที่เก็บเงินให้ชาวเล ร้องเรียนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างผู้ประกอบการเรือสปีดโบตด้วยกันเอง และเกิดความสงบเรียบร้อย จังหวัดเลยจัดให้มีการประชุมผู้ประกอบการเรือสปีดโบตทุกราย ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ให้กันไว้เดิมคือ เก็บเงินเพิ่มจากผู้โดยสารอีก 40 บาท และนำไปจ่ายให้แก่ชาวเล (ผ่านตัวแทนของชาวเล ที่มีระบบบัญชีที่ชัดเจน) ด้วย ซึ่งผู้โดยสารก็จ่ายเท่าเดิม โดยให้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.2560 เป็นต้นไป หากไม่ดำเนินการ หรือมีข้อร้องเรียนอีก ผู้ประกอบการที่ถูกร้องเรียนจะต้องถูกห้ามประกอบการเป็นเวลา 2 เดือน และดำเนินการคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย