ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ภาคประชาสังคมรุมยำแม่ทัพภาค 4 จุ้นเรื่องผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหิน ปล่อยเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดต่อเนื่องหลายครั้ง ล่าสุด ป่วน 4 จังหวัดชายแดนใต้ตายเจ็บหลายราย แนะแม่ทัพเอาเวลาไปดูแลงานด้านความมั่นคง ไม่ใช่จ้องจะย้ายหมอนักพัฒนาออกจากพื้นที่ เหตุคัดค้านถ่านหิน กป.อพช.แฉยอมรับแล้วกับสื่อหนึ่งว่าอยู่เบื้องหลังคำสั่งอัปยศจริง ด้านบุคลากรโรงพยาบาลจะนะ พร้อมประชาชนจำนวนมากมอบดอกไม้ให้กำลัง “นพ.สุภัทร” ขออย่าให้ถูกย้ายออกจากพื้นที่ ชาวบ้านฮึ่มเตรียมเคลื่อนไหวย้ายแม่ทัพ 4 พ้นพื้นที่
วันนี้ (7 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบพร้อมกันหลายจุดในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ทำให้มีทหารเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ ได้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทการทำหน้าที่ของ พล.ท.ปิยะวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ควรจะเอาจริงเอาจังต่องานข่าวกรองเพื่อปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่ และประชาชนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่ที่ผ่านมาพบว่า แม่ทัพภาคที่ 4 คนนี้ไปให้ความสำคัญต่อเรื่องอื่นมากกว่า โดยเฉพาะกระแสข่าวว่าพยายามกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา ออกจากพื้นที่ เพราะ นพ.สุภัทร คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “เอาเวลาไปใช้ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้ดีกว่าครับ..ท่านแม่ทัพ” โดยระบุว่า
จากปรากฏการณ์ใช้อำนาจพิเศษในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 ของ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช เพื่อให้มีการโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ด้วยการลงทุนลงแรงทำหนังสือถึงผู้บริหารในกระทรวงสาธารสุข เสมือนเป็นการสร้างแรงกดดันให้มีการดำเนินการตามความต้องการของตน
ยังผลให้เกิดคำถาม และข้อสังเกตต่อบทบาทหน้าที่ และพฤติกรรมของท่านเป็นอย่างมากในสังคมแห่งโลกออนไลน์ ถึงขั้นมีการใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปศึกษาถึงบทบาทหน้าที่ในฐานะของผู้บัญชาการกองกำลังในระดับภาค และในฐานะของผู้มีอำนาจในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ก็แทบไม่พบว่าสถานะของท่านจะเกี่ยวข้องอะไรต่อการแสดงท่าทีของประชาชน หรือของคนที่ไม่เห็นด้วยต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพา หรือที่ไหนก็แล้วแต่
ก่อนหน้านี้ ท่านได้ยอมรับผ่านสื่อแห่งหนึ่งว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการดำเนินการให้มีการโยกย้ายหมอนักพัฒนาผู้นี้จริง เพราะไปร่วมคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน...โดยเฉพาะการออกไปกระทำการที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความแตกแยก สร้างความวุ่นวาย เนื่องจากกฎของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาความสงบสุข ในช่วงที่ประเทศกำลังต้องการความสามัคคีปรองดองกัน
ด้วยเห ตุและผลของท่านดังกล่าวนั้น ยังความสงสัยว่าเป็นคำอ้างที่แฝงไว้ด้วยเจตนาอื่นใดหรือไม่ ทั้งๆ ที่ท่านทราบดีกว่า กรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพาคือ ความขัดแย้งทางสังคมที่กำลังเกิดขึ้น และยังสุ่มเสี่ยงว่าจะบานปลายเป็นความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปด้วย แม้แต่รัฐบาลเองก็ยังกังวลต่อเรื่องนี้ และได้มีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ให้มีการจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา
และในเวทีนี้ก็ได้มีการเชิญ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ให้เข้าร่วมเวทีดังกล่าวนั้นด้วย และหมอก็ได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยการนำเสนอความคิดที่ไม่เห็นด้วยต่อโครงการดังกล่าวในฐานะของหมอที่เป็นห่วงสุขภาพ และสุขภาวะของประชาชน ผลพวงจากความคิดในเวทีดังกล่าวนี้ได้นำไปสู่ความไม่พอใจของแม่ทัพนายกองอย่างท่าน หรือยังความไม่พอใจให้แก่ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรืออย่างไร จนทำให้ท่านต้องลงทุนลดตัว หรือทำหน้าที่ซึ่งมิใช่หน้าที่ของท่านแทนผู้บังคับบัญชาของคุณหมอสุภัทร เสียอย่างนั้น
ในขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงเดียวกันนี้มีเหตุประทุขึ้นอย่างรุนแรงไม่ขาดสาย และล่าสุด เมื่อกลางดึกในคืนวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมานี้ ได้มีเหตุการณ์ระเบิดจนมีผู้เสียชีวิตไป 2 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย ประชาชนทั่วไปจึงส่องสายตาไปที่ท่านในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 และอาจจะรวมถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่อีกหลายท่านว่าจะสามารถควบคุมเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวนั้นได้หรือไม่ อย่างไร
และนี่คือสิ่งที่คนไทยคาดหวังในบทบาทหน้าที่ของท่านมากว่าที่จะเห็นท่านมาใช้อำนาจบาตรใหญ่กับประชาชนตัวเล็กๆ และกับข้าราชการด้านสาธารณสุขอย่าง นพ.สุภัทร ที่ไม่เห็นด้วยต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพียงเพราะห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชนเท่านั้น หรือถ้าจะให้พูดภาษาแบบชาวบ้านทั่วไปเขาก็จะบอกกับท่านว่า “เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีกว่าครับ”
ขณะเดียวกัน พบว่าบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ถูกเชิญไปเป็นที่ปรึกษาของหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานที่รัฐบาลเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมาในการดูแลและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น น.ส.ลม้าย มานะการ ซึ่งได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า
“ขอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กลับไปดูนโยบายแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกทีค่ะ แล้วออกแบบเรื่องคนที่มาบังคับบัญชาการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่ เสนอต่อรัฐบาล ข้อแนะนำเบื้องต้น ไม่เอาคนแบบปัจจุบัน บัญชีแนบท้าย 1.ดูสถิติการสูญเสียพี่น้องสาม จชต. และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง เช่น วิสามัญ การถล่มกลับของพวกใช้ความรุนแรง ในห้วงการบริหารภาคใต้ไม่กี่เดือน 2.การพยายามผลัก กดทับประชาชนเจ้าของแผ่นดินด้วยเอาใจรัฐบาล กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินสกปรก 3.สั่งย้ายหมอสุภัทร”
ขณะเดียวกัน น.ส.ลม้าย ได้ประกาศว่าขอลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาใน กอ.รมน.และทุกๆ ตำแหน่งที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้น เพื่อแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติหน้าที่ของแม่ทัพภาคที่ 4 คนปัจจุบัน ขณะเดียวกัน พบว่ามีกระแสข่าวว่าจากชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คอยากให้มีการย้ายแม่ทัพคนนี้ออกจากพื้นที่เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา และผู้ป่วยที่มารับบริการได้ร่วมกันมอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่ “หมอจุ๊ก” หรือนายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ขออย่าให้ถูกย้าย ขอให้เข้มแข็ง ทำงานเคียงข้างชาวบ้านต่อไป ขอให้ทหารอย่ารังแกหมอ รังแกประชาชน
โดย นพ.สุภัทร กล่าวต่อกลุ่มชาวบ้าน และบุคลากรของโรงพยาบาลที่มาให้กำลังใจว่า “ขอบคุณทุกๆ คนทั้งเจ้าหน้าที่ และพี่น้องชาวบ้านที่มาให้กำลังใจผม ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ทั้งในบทบาทวิชาชีพที่ต้องดูแลประชาชนให้ดีที่สุด และในฐานะพลเมืองเจ้าของแผ่นดินบ้านเกิดด้วย ขอบคุณมากๆ ครับ ตีมอกาเซะครับ”