ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ยังไม่ได้ข้อสรุปกรกรณีช้างหายนาน 14 ปี ที่กระบี่ เจ้าของอ้างพบโผล่ที่ปางช้างที่ภูเก็ต ขณะที่ทนายความฝ่ายเจ้าของปางช้าง ชี้พบพิรุธหลายอย่างในตัวเอกสารของผู้อ้างเป็นเจ้าของ หลังจากนี้ต้องให้กระบวนการยุติธรรมในการตัดสินคดี
จากกรณีที่ นายวัน เรียงเงิน และนายสมศักดิ์ เรียงเงิน ชาวจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจมาจาก นายชอบ เรียงเงิน เจ้าของช้างพังโย ได้เดินทางเข้าขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ให้ช่วยเจรจากับเจ้าของปางช้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ฉลอง เพื่อขอช้างชื่อพังโย ที่หายไปเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา และอ้างว่าช้างดังกล่าวมาอยู่ที่ปางช้าง พร้อมนำหลักฐานตั๋วรูปพรรณช้างพังโย ที่ออกโดยนายทะเบียนอำเภอชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ระบุไมโครชิป 121-675-455 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบช้างที่ปางช้าง ต.ฉลอง โดยเจ้าของปางช้างระบุว่า ได้มีการซื้อช้างตัวดังกล่าวมาราคา 1,400,000 ล้านบาท โดยมีการซื้อขายกันถูกต้องตามกฎหมาย และให้นายวัน นายสมศักดิ์ เรียงเงิน ไปหาเอกสารจากหน่วยงานราชการมาแสดงให้ชัดแทนการถือกระดาษใบเดียวมาแสดงความเป็นเจ้าของช้าง
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ห้องประชุม สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.ชูเกียรติ อิ่มใจธรรม รรท.ผกก.สภ.ฉลอง พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ สวัสดิเวช ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ทหารเรือทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับการแย่งครอบครองช้าง หลังจากที่ นายวัน นายสมศักดิ์ เรียงเงิน อ้างว่า ช้างหายไปเมื่อ 14 ปีก่อน และมาพบอยู่ที่ปางช้างของ นายพิชัย พัวศุภเจริญ ในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต โดยทั้ง 2 ฝ่ายนำเอกสารการครอบครองช้างมาแสดงเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ทำให้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสรุปว่าช้างเชือกดังกล่าวใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง และให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
นายทวีศักดิ์ สวัสดิเวช ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ในการเจรจาทั้งสองผ่ายวันนี้ไม่สามารถตกลงกันได้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้เอาเอกสารมายืนยันกันว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้อง โดยทางฝ่ายผู้ร้องก็จะใช้สิทธิตามกฎหมายไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ หลังจากนั้น ก็จะได้พิสูจน์กันตามกระบวนการกฎหมาย หากศาลตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ ฝ่ายนั้นก็จะได้เป็นเจ้าของช้างเชือกดังกล่าว จะได้หมดข้อขัดแย้ง ต้องดูที่มาตั๋วรูปพรรณของช้างว่าเหมือนกันแตกต่างกันอย่างไร ดูสัญญาซื้อขายประกอบว่าใครเป็นผู้ครอบครอง ช้างเชือกดังกล่าวทั้ง 2 ฝ่าย ระบุที่มาที่แตกต่างกัน ฝ่ายผู้ร้องอ้างว่าเป็นช้าง จาก จ.สุรินทร์ ส่วนเจ้าของปากงช้าง อ้างว่า อยู่ใน จ.ตาก ในส่วนนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายพิสูจน์ได้ไม่ยาก ช้างมีลักษณะที่คล้ายกันได้ แต่ตำหนิของแต่ละเชือกไม่สามารถทำขึ้นได้ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
สำหรับช้างของ นายพิชัย มีการตรวจดีเอ็นเอที่ จ.ตรัง เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นการบันทึกผิดของเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจ 2 ส่วนคือ ตัวเลขในเล่มทะเบียน และเลขสแกนเป็นเลขอะไร เจ้าหน้าที่อาจจะทำผิดพลาด เจ้าหน้าที่ก็สามารถแก้ไขได้ หากเอาเอกสารไปยืนยัน ส่วนของผู้ร้องก็มีตั๋วรูปพรรณตรงกับพังโย ไม่ทราบว่าตรงกันได้อย่างไร ทั้งที่มาคนละจังหวัดกัน และไม่น่าจะเกี่ยวกับการปลอมตั๋วรูปพรรณ ส่วนช้างตัวดังกล่าวนั้นขณะนี้ได้อายัดไว้ที่ปางช้างไว้ก่อน
ด้าน นายสุพจน์ ม่วงทอง ทนายความตัวแทนนายพิชัย พัวศุภเจริญ เจ้าของปางช้าง กล่าวว่า เอกสารที่ฝ่ายผู้ร้องนำมาแสดงในวันนี้มีข้อพิรุธหลายอย่าง ตั้งแต่การลงประจำวันไม่มีการระบุเลขตั๋วรูปพรรณ มีแต่ลงชื่อพังโย ความจริงหากแจ้งควาญช้างหายจะต้องระบุเลขตั๋วรูปพรรณของช้างไว้ด้วย นอกจากนั้น ในวันที่ผู้ร้องพาเจ้าหน้าที่มายังปางช้าง มีการเอาเอกสารมาใบเดียว และมีหมายเลขในตั๋วรูปพรรณช้างที่มาแสดง แต่เอกสารฉบับจริงที่นำมาแสดงวันนี้พบว่าเลขตั๋วรูปพรรณที่เคยระบุหายไป จุดนี้คือข้อพิรุธ ยืนยันว่าเราซื้อช้างตัวดังกล่าวมาจาก นายเรวุฒิ ชื่นแก้ว ซื้อมาถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนั้น ตำหนิของช้างยังแตกต่างกันหลายจุดเชื่อว่าคนละตัวกันแน่นอน
ขณะที่ นายวัน เรียงเงิน ชาวจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้รับมอบอำนาจ นายชอบ เรียงเงิน เป็นน้องชาย และเป็นเจ้าของช้างพังโย กล่าวว่า ในวันนี้ตน และน้องชายได้เดินทางมาเจรจาอีกครั้งกับเจ้าของปางช้าง แต่ไม่สมารถเจรจาตกลงกันได้ โดยตนได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ฉลอง จากนั้นตนจะเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์อีกครั้งที่ สภ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เพื่อที่ให้เข้ากระบวนยุติธรรมในการตัดสินใจว่าช้างเป็นของใครกันแน่ แต่ตนมั่นใจว่าช้างพังดังกล่าวเป็นของน้องชายของตนอย่างแน่นอน
จากกรณีที่ นายวัน เรียงเงิน และนายสมศักดิ์ เรียงเงิน ชาวจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจมาจาก นายชอบ เรียงเงิน เจ้าของช้างพังโย ได้เดินทางเข้าขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ให้ช่วยเจรจากับเจ้าของปางช้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ฉลอง เพื่อขอช้างชื่อพังโย ที่หายไปเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา และอ้างว่าช้างดังกล่าวมาอยู่ที่ปางช้าง พร้อมนำหลักฐานตั๋วรูปพรรณช้างพังโย ที่ออกโดยนายทะเบียนอำเภอชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ระบุไมโครชิป 121-675-455 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบช้างที่ปางช้าง ต.ฉลอง โดยเจ้าของปางช้างระบุว่า ได้มีการซื้อช้างตัวดังกล่าวมาราคา 1,400,000 ล้านบาท โดยมีการซื้อขายกันถูกต้องตามกฎหมาย และให้นายวัน นายสมศักดิ์ เรียงเงิน ไปหาเอกสารจากหน่วยงานราชการมาแสดงให้ชัดแทนการถือกระดาษใบเดียวมาแสดงความเป็นเจ้าของช้าง
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ห้องประชุม สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.ชูเกียรติ อิ่มใจธรรม รรท.ผกก.สภ.ฉลอง พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ สวัสดิเวช ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ทหารเรือทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับการแย่งครอบครองช้าง หลังจากที่ นายวัน นายสมศักดิ์ เรียงเงิน อ้างว่า ช้างหายไปเมื่อ 14 ปีก่อน และมาพบอยู่ที่ปางช้างของ นายพิชัย พัวศุภเจริญ ในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต โดยทั้ง 2 ฝ่ายนำเอกสารการครอบครองช้างมาแสดงเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ทำให้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสรุปว่าช้างเชือกดังกล่าวใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง และให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
นายทวีศักดิ์ สวัสดิเวช ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ในการเจรจาทั้งสองผ่ายวันนี้ไม่สามารถตกลงกันได้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้เอาเอกสารมายืนยันกันว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้อง โดยทางฝ่ายผู้ร้องก็จะใช้สิทธิตามกฎหมายไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ หลังจากนั้น ก็จะได้พิสูจน์กันตามกระบวนการกฎหมาย หากศาลตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ ฝ่ายนั้นก็จะได้เป็นเจ้าของช้างเชือกดังกล่าว จะได้หมดข้อขัดแย้ง ต้องดูที่มาตั๋วรูปพรรณของช้างว่าเหมือนกันแตกต่างกันอย่างไร ดูสัญญาซื้อขายประกอบว่าใครเป็นผู้ครอบครอง ช้างเชือกดังกล่าวทั้ง 2 ฝ่าย ระบุที่มาที่แตกต่างกัน ฝ่ายผู้ร้องอ้างว่าเป็นช้าง จาก จ.สุรินทร์ ส่วนเจ้าของปากงช้าง อ้างว่า อยู่ใน จ.ตาก ในส่วนนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายพิสูจน์ได้ไม่ยาก ช้างมีลักษณะที่คล้ายกันได้ แต่ตำหนิของแต่ละเชือกไม่สามารถทำขึ้นได้ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
สำหรับช้างของ นายพิชัย มีการตรวจดีเอ็นเอที่ จ.ตรัง เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นการบันทึกผิดของเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจ 2 ส่วนคือ ตัวเลขในเล่มทะเบียน และเลขสแกนเป็นเลขอะไร เจ้าหน้าที่อาจจะทำผิดพลาด เจ้าหน้าที่ก็สามารถแก้ไขได้ หากเอาเอกสารไปยืนยัน ส่วนของผู้ร้องก็มีตั๋วรูปพรรณตรงกับพังโย ไม่ทราบว่าตรงกันได้อย่างไร ทั้งที่มาคนละจังหวัดกัน และไม่น่าจะเกี่ยวกับการปลอมตั๋วรูปพรรณ ส่วนช้างตัวดังกล่าวนั้นขณะนี้ได้อายัดไว้ที่ปางช้างไว้ก่อน
ด้าน นายสุพจน์ ม่วงทอง ทนายความตัวแทนนายพิชัย พัวศุภเจริญ เจ้าของปางช้าง กล่าวว่า เอกสารที่ฝ่ายผู้ร้องนำมาแสดงในวันนี้มีข้อพิรุธหลายอย่าง ตั้งแต่การลงประจำวันไม่มีการระบุเลขตั๋วรูปพรรณ มีแต่ลงชื่อพังโย ความจริงหากแจ้งควาญช้างหายจะต้องระบุเลขตั๋วรูปพรรณของช้างไว้ด้วย นอกจากนั้น ในวันที่ผู้ร้องพาเจ้าหน้าที่มายังปางช้าง มีการเอาเอกสารมาใบเดียว และมีหมายเลขในตั๋วรูปพรรณช้างที่มาแสดง แต่เอกสารฉบับจริงที่นำมาแสดงวันนี้พบว่าเลขตั๋วรูปพรรณที่เคยระบุหายไป จุดนี้คือข้อพิรุธ ยืนยันว่าเราซื้อช้างตัวดังกล่าวมาจาก นายเรวุฒิ ชื่นแก้ว ซื้อมาถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนั้น ตำหนิของช้างยังแตกต่างกันหลายจุดเชื่อว่าคนละตัวกันแน่นอน
ขณะที่ นายวัน เรียงเงิน ชาวจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้รับมอบอำนาจ นายชอบ เรียงเงิน เป็นน้องชาย และเป็นเจ้าของช้างพังโย กล่าวว่า ในวันนี้ตน และน้องชายได้เดินทางมาเจรจาอีกครั้งกับเจ้าของปางช้าง แต่ไม่สมารถเจรจาตกลงกันได้ โดยตนได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ฉลอง จากนั้นตนจะเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์อีกครั้งที่ สภ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เพื่อที่ให้เข้ากระบวนยุติธรรมในการตัดสินใจว่าช้างเป็นของใครกันแน่ แต่ตนมั่นใจว่าช้างพังดังกล่าวเป็นของน้องชายของตนอย่างแน่นอน