ชุมพร - แฉปมร้อง ป.ป.ช.สอบพบพิรุธนายทุนบุกรุกป่าชุ่มน้ำแก้มลิงหนองใหญ่ โครงการตามพระราชดำริฯ กบร.จังหวัดมีมติเพิกถอนเอกสารสิทธิไปแล้วกว่า 700 ไร่ แต่กลับหมกเม็ดทำนิติกรรมอำพรางซื้อขายเปลี่ยนมือในวันเดียวกัน 3 รายรวด
หลังจากกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ร้องเรียนผู้เกี่ยวข้องทวงคืนพื้นที่ป่าชุ่มน้ำแก้มลิงหนองใหญ่ โครงการตามพระราชดำริฯ ในหลวง ร.๙ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร ให้ตรวจสอบเพิกถอน น.ส.3ก. จำนวน 27 แปลง ที่ขอรังวัดเตรียมออกโฉนดกว่า 700 ไร่ ในพื้นที่ดังกล่าว จนผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งระงับให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ว่า หลังจาก นายณรงค์ พลละเอียด ผวจ.ชุมพร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีออก น.ส.3.ก ทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในส่วนของพื้นที่ชุ่มน้ำแก้มลิงด้านซ้ายทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นที่กักเก็บระบายน้ำลงสู่คลองในหลวงและแก้มลิงด้านขวาตอนล่างทางทิศใต้ พร้อมกับให้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 1 ชุด ตามบันทึกข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประกอบด้วยผู้แทนผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการจากทุกหน่วย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อลงพื้นที่รังวัดตรวจสอบแนวเขตใหม่ทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
ล่าสุด วันนี้ (30 มี.ค.) นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมืองชุมพร กล่าวว่า ขณะนี้ได้รายชื่อผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการ ผู้แทนองค์กรท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงนาม แต่งตั้งในคำสั่งดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์นี้
ด้าน นายสุพร เศวตจันฤกษ์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวขณะนี้ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปแล้ว 4 หน่วยงาน คือ สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ (กปร.) ซึ่งเรื่องนี้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกี่ยวกับการละเว้นและการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่อธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร และผู้เกี่ยวข้องส่วนอื่นๆ เนื่องจากที่ดินทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ ในพื้นที่แก้มลิงหนองใหญ่นั้น ที่ผ่านมา คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดชุมพร ได้มีมติเพิกถอนไปแล้ว ตามหนังสือที่ ชพ 0019.5/020011 ลงวันที่ 14 ธ.ค.55 และได้ส่งเรื่องให้อธิบดีกรมที่ดิน พิจารณา
นายสุพร กล่าวว่า หลัง กบร.จังหวัดมีมติเพิกถอน และส่งเรื่องให้อธิบดีกรมที่ดินพิจารณาเมื่อปี พ.ศ.55 จนขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ และคำสั่งใดๆ เป็นข้อยุติ ประเด็นสำคัญคือ ได้ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.59 บริษัทเจ้าของที่ดินเดิมได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ ให้แก่นายทุนรายหนึ่ง และนายทุนคนดังกล่าวได้ขายฝากให้แก่อีกบริษัทหนึ่งในวันเดียวกันเลย เรื่องนี้โดยตำแหน่งแล้วเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร จะเป็นคณะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดชุมพร จึงย่อมต้องรู้ว่าที่ดินทั้ง 27 แปลง กบร.มีมติเพิกถอนไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.55 และอยู่ระหว่างดำเนินการของอธิบดีกรมที่ดิน แต่ในปี พ.ศ.59 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกลับมาทำนิติกรรมสัญญาซื้อขายและขายฝากที่ดินดังกล่าวให้แก่บริษัท และนายทุนเปลี่ยนมือกันถึง 3 รายรวดในวันเดียวกัน จึงถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทั้งๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพิกถอนของกรมที่ดิน
“ตอนนี้ทางกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ ผู้บริหารท้องถิ่นเทศบาลบางลึก และชาวบ้านมีความกังวลใจ เนื่องจากคณะกรรมการทำงานร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงยังอยู่ระหว่างดำเนินการแต่งตั้ง แต่ทางเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ได้ลงไปรังวัดตรวจสอบแนวเขตฝ่ายเดียวเป็นเวลา 3 วันแล้ว จึงขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งให้ยุติการรังวัดไปก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ จึงจะลงพื้นที่พร้อมกัน” นายสุพร กล่าว
หลังจากกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ร้องเรียนผู้เกี่ยวข้องทวงคืนพื้นที่ป่าชุ่มน้ำแก้มลิงหนองใหญ่ โครงการตามพระราชดำริฯ ในหลวง ร.๙ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร ให้ตรวจสอบเพิกถอน น.ส.3ก. จำนวน 27 แปลง ที่ขอรังวัดเตรียมออกโฉนดกว่า 700 ไร่ ในพื้นที่ดังกล่าว จนผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งระงับให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ว่า หลังจาก นายณรงค์ พลละเอียด ผวจ.ชุมพร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีออก น.ส.3.ก ทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในส่วนของพื้นที่ชุ่มน้ำแก้มลิงด้านซ้ายทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นที่กักเก็บระบายน้ำลงสู่คลองในหลวงและแก้มลิงด้านขวาตอนล่างทางทิศใต้ พร้อมกับให้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 1 ชุด ตามบันทึกข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประกอบด้วยผู้แทนผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการจากทุกหน่วย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อลงพื้นที่รังวัดตรวจสอบแนวเขตใหม่ทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
ล่าสุด วันนี้ (30 มี.ค.) นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมืองชุมพร กล่าวว่า ขณะนี้ได้รายชื่อผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการ ผู้แทนองค์กรท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงนาม แต่งตั้งในคำสั่งดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์นี้
ด้าน นายสุพร เศวตจันฤกษ์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวขณะนี้ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปแล้ว 4 หน่วยงาน คือ สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ (กปร.) ซึ่งเรื่องนี้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกี่ยวกับการละเว้นและการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่อธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร และผู้เกี่ยวข้องส่วนอื่นๆ เนื่องจากที่ดินทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ ในพื้นที่แก้มลิงหนองใหญ่นั้น ที่ผ่านมา คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดชุมพร ได้มีมติเพิกถอนไปแล้ว ตามหนังสือที่ ชพ 0019.5/020011 ลงวันที่ 14 ธ.ค.55 และได้ส่งเรื่องให้อธิบดีกรมที่ดิน พิจารณา
นายสุพร กล่าวว่า หลัง กบร.จังหวัดมีมติเพิกถอน และส่งเรื่องให้อธิบดีกรมที่ดินพิจารณาเมื่อปี พ.ศ.55 จนขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ และคำสั่งใดๆ เป็นข้อยุติ ประเด็นสำคัญคือ ได้ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.59 บริษัทเจ้าของที่ดินเดิมได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ ให้แก่นายทุนรายหนึ่ง และนายทุนคนดังกล่าวได้ขายฝากให้แก่อีกบริษัทหนึ่งในวันเดียวกันเลย เรื่องนี้โดยตำแหน่งแล้วเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร จะเป็นคณะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดชุมพร จึงย่อมต้องรู้ว่าที่ดินทั้ง 27 แปลง กบร.มีมติเพิกถอนไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.55 และอยู่ระหว่างดำเนินการของอธิบดีกรมที่ดิน แต่ในปี พ.ศ.59 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกลับมาทำนิติกรรมสัญญาซื้อขายและขายฝากที่ดินดังกล่าวให้แก่บริษัท และนายทุนเปลี่ยนมือกันถึง 3 รายรวดในวันเดียวกัน จึงถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทั้งๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพิกถอนของกรมที่ดิน
“ตอนนี้ทางกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ ผู้บริหารท้องถิ่นเทศบาลบางลึก และชาวบ้านมีความกังวลใจ เนื่องจากคณะกรรมการทำงานร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงยังอยู่ระหว่างดำเนินการแต่งตั้ง แต่ทางเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ได้ลงไปรังวัดตรวจสอบแนวเขตฝ่ายเดียวเป็นเวลา 3 วันแล้ว จึงขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งให้ยุติการรังวัดไปก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ จึงจะลงพื้นที่พร้อมกัน” นายสุพร กล่าว