สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านจำนวนมากแห่ เล่นน้ำคลายร้อนที่ อ่างน้ำผุด-ทรายดูด ล่องเรือชมธรรมชาติและตาน้ำผุดจากใต้ดินกว่า 10,000 จุด ในพื้นที่ป่าชุ่มน้ำเกือบ 200 ไร่ หลายหน่วยงานร่วมกันสนับสนุนเป็นแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์หรืออันซีนแห่งใหม่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก
ที่บ้านอ่างน้ำผุด ม.13 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่า ท่ามกลางน้ำผุดและต้นไม้นานาพันธุ์ที่ร่มรื่นในพื้นกว่า 179 ไร่ ที่สามารถล่องเรือไปชมต้นไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ติดอันดับต้นๆ มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ในขณะนี้คึกคักไปด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวชมความมหัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้
สำหรับสถานที่แห่งนี้ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์เป็นป่าชุมชน หลังจากที่นายเจียน แต่งตั้ง เป็นคนพบพื้นที่แห่งนี้เป็นคนแรกจากการเดินหาสัตว์ป่าเมื่อปี 2505 หรือ 55 ปีที่ผ่านมา จึงได้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ละแวกนี้กันพื้นที่เอาไว้ จนกระทั่งต่อมามีนายทุนพยายามที่จะบุกรุกเอาพื้นที่ แต่ชาวบ้านช่วยกันต่อสู้จนสามารถกันพื้นที่ป่าชุมชนไว้ได้และเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวในละแวกนี้และนักศึกษาในท้องถิ่นที่มาศึกษาระบบนิเวศน์และเห็นถึงความมหัศจรรย์ป่าต้นน้ำแห่งนี้โดยเฉพาะใต้น้ำมีน้ำผุดและมีปลาน้ำจืด พันธุ์ปลาท้องถิ่นนานาชนิด มีผักสวนครัวที่ชาวบ้านเก็บไปประกอบอาหารได้ ยกเว้นจับปลาหรือสัตว์น้ำไปประกอบอาหารชาวบ้านต้องการให้อยู่คู่กับธรรมชาติ
ซึ่งนอกจากจะมีความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแล้ว พื้นที่แห่งนี้ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังสามารถล่องเรือแคนนูนเข้าไปชมความงามของน้ำผุดที่ล้อมรอบต้นไม้นานาพันธุ์และเห็นถึงความมหัศจรรย์ของน้ำผุดที่ใส เย็นชุ่มฉ่ำท่ามกลางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ และที่สำคัญทางภาครัฐเองได้เห็นถึงความสำคัญของป่าต้นน้ำแห่งนี้อย่างมาก อย่าง ธ.ก.ส.สุราษฎร์ธานีจึงให้การสนับสนุนในเรื่องของอนุรักษ์ป่าชุมชน เพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกัน
นายหนูเขิม แสงปลอด ประธานฝ่ายท่องเที่ยวบ้านอ่างน้ำผุด กล่าวว่า สิ่งที่โดดเด่นในป่าแห่งนี้ คือ ตาน้ำธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินจำนวนกว่า 10,000 ตา และเป็นน้ำใสสะอาดความลึกตั้งแต่ 80-180 เซนติเมตร สามารถมองเห็นตาน้ำผุดได้ เมื่อตบมือเสียงดังน้ำก็จะผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วตามจังหวะเสียงตบมือ เมื่อใช้เท้าลงไปเหยียบบริเวณตาน้ำผุดทรายก็จะดูดเท้าจมลงไปประมาณ 5-10 เซนติเมตร ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นใต้น้ำยังเต็มไปด้วยสาหร่ายหางกะรอก
สำหรับป่าต้นน้ำแห่งนี้ก่อนหน้านี้มีการบุกรุกครอบครองของนายทุนเหลือพื้นที่ป่าไม่ถึง 100 ไร่ ต่อมาทางชาวบ้านได้รวมตัวขอคืนพื้นที่จากนายทุนได้เพิ่มขึ้นมาอีก 80 ไร่ ชุมชนได้ร่วมด้วยช่วยกันฟื้นฟูและอนุรักษ์และปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าล่องเรือชมธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ตามเส้นทางกว่า 1กิโลเมตร
ที่บ้านอ่างน้ำผุด ม.13 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่า ท่ามกลางน้ำผุดและต้นไม้นานาพันธุ์ที่ร่มรื่นในพื้นกว่า 179 ไร่ ที่สามารถล่องเรือไปชมต้นไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ติดอันดับต้นๆ มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ในขณะนี้คึกคักไปด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวชมความมหัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้
สำหรับสถานที่แห่งนี้ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์เป็นป่าชุมชน หลังจากที่นายเจียน แต่งตั้ง เป็นคนพบพื้นที่แห่งนี้เป็นคนแรกจากการเดินหาสัตว์ป่าเมื่อปี 2505 หรือ 55 ปีที่ผ่านมา จึงได้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ละแวกนี้กันพื้นที่เอาไว้ จนกระทั่งต่อมามีนายทุนพยายามที่จะบุกรุกเอาพื้นที่ แต่ชาวบ้านช่วยกันต่อสู้จนสามารถกันพื้นที่ป่าชุมชนไว้ได้และเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวในละแวกนี้และนักศึกษาในท้องถิ่นที่มาศึกษาระบบนิเวศน์และเห็นถึงความมหัศจรรย์ป่าต้นน้ำแห่งนี้โดยเฉพาะใต้น้ำมีน้ำผุดและมีปลาน้ำจืด พันธุ์ปลาท้องถิ่นนานาชนิด มีผักสวนครัวที่ชาวบ้านเก็บไปประกอบอาหารได้ ยกเว้นจับปลาหรือสัตว์น้ำไปประกอบอาหารชาวบ้านต้องการให้อยู่คู่กับธรรมชาติ
ซึ่งนอกจากจะมีความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแล้ว พื้นที่แห่งนี้ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังสามารถล่องเรือแคนนูนเข้าไปชมความงามของน้ำผุดที่ล้อมรอบต้นไม้นานาพันธุ์และเห็นถึงความมหัศจรรย์ของน้ำผุดที่ใส เย็นชุ่มฉ่ำท่ามกลางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ และที่สำคัญทางภาครัฐเองได้เห็นถึงความสำคัญของป่าต้นน้ำแห่งนี้อย่างมาก อย่าง ธ.ก.ส.สุราษฎร์ธานีจึงให้การสนับสนุนในเรื่องของอนุรักษ์ป่าชุมชน เพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกัน
นายหนูเขิม แสงปลอด ประธานฝ่ายท่องเที่ยวบ้านอ่างน้ำผุด กล่าวว่า สิ่งที่โดดเด่นในป่าแห่งนี้ คือ ตาน้ำธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินจำนวนกว่า 10,000 ตา และเป็นน้ำใสสะอาดความลึกตั้งแต่ 80-180 เซนติเมตร สามารถมองเห็นตาน้ำผุดได้ เมื่อตบมือเสียงดังน้ำก็จะผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วตามจังหวะเสียงตบมือ เมื่อใช้เท้าลงไปเหยียบบริเวณตาน้ำผุดทรายก็จะดูดเท้าจมลงไปประมาณ 5-10 เซนติเมตร ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นใต้น้ำยังเต็มไปด้วยสาหร่ายหางกะรอก
สำหรับป่าต้นน้ำแห่งนี้ก่อนหน้านี้มีการบุกรุกครอบครองของนายทุนเหลือพื้นที่ป่าไม่ถึง 100 ไร่ ต่อมาทางชาวบ้านได้รวมตัวขอคืนพื้นที่จากนายทุนได้เพิ่มขึ้นมาอีก 80 ไร่ ชุมชนได้ร่วมด้วยช่วยกันฟื้นฟูและอนุรักษ์และปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าล่องเรือชมธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ตามเส้นทางกว่า 1กิโลเมตร