ชุมพร - กลุ่มปกป้องบ้านพ่อ แฉ น.ส.3ก.กว่า 700 ไร่ ของนายทุนพื้นที่ชุ่มน้ำแก้มลิงหนองใหญ่ โครงการตามพระราชดำริฯ เคยถูก กบร.จังหวัด มีมติเพิกถอนแล้ว แต่ที่ดินยังเดินหน้าสำรวจรังวัดออกโฉนด พร้อมรวบรวมหลักฐานร้อง 4 หน่วยงานหลักส่วนกลางเอาผิด ขณะที่อธิบดีกรมป่าไม้ ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบด้วย
หลังจากชาวบ้าน ผู้นำชุมชนร้องเรียนหน่วยงานเกี่ยวข้อง และติดป้ายประท้วงขอทวงคืนพื้นที่ชุ่มน้ำสาธารณะแก้มลิงหนองใหญ่ ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร โครงการตามแนวพระราชดำริฯ ในหลวง ร.9 ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3.กว่า 700 ไร่ ที่ออกทับซ้อนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ศาลาศูนย์คณะทำงานปกป้องบ้านพ่อ พื้นที่ชุมน้ำสาธารณะแก้มลิงหนองใหญ่ โครงการตามแนวพระราชดำริฯ ในหลวง ร.9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร นายปรีชา สมบัตินา รองนากยกเทศบาลตำบลบางลึก นายสุพร เสวตจันฤกษ์ ทนายความที่ปรึกษา นายยศพนธ์ พรมทัศ นายชุมพล องอาจ นายสุพร โทธานี นายสุชีพ แจะซ้าย นายสวัสดิ์ พิบูลย์ นายธรรมนูญ ศรีสงคราม แกนนำกลุ่ม และผู้นำชุมชนกว่า 10 คน ได้มารวมตัวกันรวบรวมพยานเอกสารหลักฐานพื้นที่ชุมน้ำสาธารณะแก้มลิงหนองใหญ่กว่า 2,000 ไร่ ที่มีนายทุนเข้ามาครอบครองออกเอกสารสิทธิ น.ส.3ก จำนวน 27 แปลง กว่า 700 ไร่ อย่างไม่ชอบมาพากล เพื่อให้สำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สำรวจรังวัดออกโฉนดที่ดิน ต่อมา ชาวบ้านทราบเรื่องจึงร้องเรียนหน่วยงานเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนนำเสนอข่าว จน นายณรงค์ พลละเอียด ผวจ.ชุมพร เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง และให้ระงับการรังวัดออกโฉนด พร้อมกับตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบแนวเขตโดยรอบหนองน้ำสาธารณะหนองใหญ่ทั้งหมด ที่ครอบคลุมพื้นที่หมู่ 8, 9, 10, 11 และ 12 ตำบลบางลึก ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
นายสุพร เสวตจันฤกษ์ ทนายความที่ปรึกษาคณะทำงานกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมคณะทำงานมีมติเห็นชอบให้ทำหนังสือยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. สำนักงานกองเลขาธิการ กปร. สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ และผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา โดยจะเดินทางไปยื่นภายในสัปดาห์นี้ ที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากกระบวนการออกเอกสารสิทธิในที่ดินมีความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวเกี่ยวข้องต่อเจ้าหน้าที่รัฐในระดับสูงทั้งท้องที่ และส่วนกลาง เนื่องจากที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดชุมพร ได้พิจารณาผลการอ่านแปลตีความภาพถ่ายแต่ละแปลง เมื่อวันที่ 20 ก.ย.55 ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว จึงมีมติให้เพิกถอน น.ส.3 ก ที่นายทุนครองครองทั้ง 27 แปลง ตามหนังสือจ.ชุมพร ที่ ชพ 0019.5/020011 ลงวันที่ 14 ธ.ค.55 ส่งให้เรื่องกรมที่ดินพิจารณา และอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ แต่ปัจจุบันกลับมีเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดชุมพร เข้าไปเดินสำรวจรังวัดเพื่อออกโฉนดตามคำขอของนายทุนทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันถือว่าไม่ชอบมาพากล และผิดปกติอย่างมาก เพื่อเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องต่อกรณีดังกล่าวด้วย
ต่อมา ได้มี นายนิวัฒน์ สังข์มาลา หน.สายตรวจปราบปราม สาย 2 ชุมพร กรมป่าไม้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มาพบกับกลุ่มคณะทำงานปกป้องบ้านพ่อ เพื่อขอข้อมูล จากนั้น นายนิวัฒน์ พร้อมเจ้าหน้าที่ และคณะทำงานปกป้องบ้านพ่อได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการลงเรือเข้าไปพิสูจน์วัดค่าพิกัด GPS ดาวเทียม เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นป่าชุ่มน้ำลึกระดับหน้าอก บางจุดมิดหัว ปกคลุมไปด้วยพรรณไม้น้ำน้อยใหญ่นานาชนิดที่อุดมสมบูรณ์เขียวขจี มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี มีสัตว์น้ำ สัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุมลักษณะคล้ายป่าชายเลนโดยสภาพ และไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ใดๆ ที่สามารถอ้างสิทธิครอบครองทำกินได้ และพบหลักหมุดที่เจ้าหน้าที่ที่ดินสำรวจเตรียมออกโฉนดปักไว้บนคันคูร่องน้ำที่ทางโครงการอันเนื่องพระราชดำริฯ ขุดกันพื้นที่ไว้เป็นแก้มลิงหนองใหญ่ ป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองชุมพร จำนวนหลายจุดด้วย
นายนิวัฒน์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวหลังปรากฏข่าวทางสื่อมวลชน ผู้บังคับบัญชากรมป่าไม้ ให้ความสนใจจึงสั่งการให้ลงมาตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าประเภทใด กรมป่าไม้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องจะสามารถนำกฎหมายกรมป่าไม้บังคับใช้ได้เลยเพราะมีความรุนแรง และเด็ดขาด และหากพื้นที่นี้มีเจ้าภาพที่ชัดเจนก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดก็จะรายงานให้อธิบดีกรมป่าไม้รับทราบต่อไป
หลังจากชาวบ้าน ผู้นำชุมชนร้องเรียนหน่วยงานเกี่ยวข้อง และติดป้ายประท้วงขอทวงคืนพื้นที่ชุ่มน้ำสาธารณะแก้มลิงหนองใหญ่ ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร โครงการตามแนวพระราชดำริฯ ในหลวง ร.9 ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3.กว่า 700 ไร่ ที่ออกทับซ้อนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ศาลาศูนย์คณะทำงานปกป้องบ้านพ่อ พื้นที่ชุมน้ำสาธารณะแก้มลิงหนองใหญ่ โครงการตามแนวพระราชดำริฯ ในหลวง ร.9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร นายปรีชา สมบัตินา รองนากยกเทศบาลตำบลบางลึก นายสุพร เสวตจันฤกษ์ ทนายความที่ปรึกษา นายยศพนธ์ พรมทัศ นายชุมพล องอาจ นายสุพร โทธานี นายสุชีพ แจะซ้าย นายสวัสดิ์ พิบูลย์ นายธรรมนูญ ศรีสงคราม แกนนำกลุ่ม และผู้นำชุมชนกว่า 10 คน ได้มารวมตัวกันรวบรวมพยานเอกสารหลักฐานพื้นที่ชุมน้ำสาธารณะแก้มลิงหนองใหญ่กว่า 2,000 ไร่ ที่มีนายทุนเข้ามาครอบครองออกเอกสารสิทธิ น.ส.3ก จำนวน 27 แปลง กว่า 700 ไร่ อย่างไม่ชอบมาพากล เพื่อให้สำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สำรวจรังวัดออกโฉนดที่ดิน ต่อมา ชาวบ้านทราบเรื่องจึงร้องเรียนหน่วยงานเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนนำเสนอข่าว จน นายณรงค์ พลละเอียด ผวจ.ชุมพร เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง และให้ระงับการรังวัดออกโฉนด พร้อมกับตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบแนวเขตโดยรอบหนองน้ำสาธารณะหนองใหญ่ทั้งหมด ที่ครอบคลุมพื้นที่หมู่ 8, 9, 10, 11 และ 12 ตำบลบางลึก ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
นายสุพร เสวตจันฤกษ์ ทนายความที่ปรึกษาคณะทำงานกลุ่มปกป้องบ้านพ่อ กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมคณะทำงานมีมติเห็นชอบให้ทำหนังสือยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. สำนักงานกองเลขาธิการ กปร. สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ และผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา โดยจะเดินทางไปยื่นภายในสัปดาห์นี้ ที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากกระบวนการออกเอกสารสิทธิในที่ดินมีความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวเกี่ยวข้องต่อเจ้าหน้าที่รัฐในระดับสูงทั้งท้องที่ และส่วนกลาง เนื่องจากที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดชุมพร ได้พิจารณาผลการอ่านแปลตีความภาพถ่ายแต่ละแปลง เมื่อวันที่ 20 ก.ย.55 ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว จึงมีมติให้เพิกถอน น.ส.3 ก ที่นายทุนครองครองทั้ง 27 แปลง ตามหนังสือจ.ชุมพร ที่ ชพ 0019.5/020011 ลงวันที่ 14 ธ.ค.55 ส่งให้เรื่องกรมที่ดินพิจารณา และอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ แต่ปัจจุบันกลับมีเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดชุมพร เข้าไปเดินสำรวจรังวัดเพื่อออกโฉนดตามคำขอของนายทุนทั้ง 27 แปลง กว่า 700 ไร่ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันถือว่าไม่ชอบมาพากล และผิดปกติอย่างมาก เพื่อเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องต่อกรณีดังกล่าวด้วย
ต่อมา ได้มี นายนิวัฒน์ สังข์มาลา หน.สายตรวจปราบปราม สาย 2 ชุมพร กรมป่าไม้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มาพบกับกลุ่มคณะทำงานปกป้องบ้านพ่อ เพื่อขอข้อมูล จากนั้น นายนิวัฒน์ พร้อมเจ้าหน้าที่ และคณะทำงานปกป้องบ้านพ่อได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการลงเรือเข้าไปพิสูจน์วัดค่าพิกัด GPS ดาวเทียม เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นป่าชุ่มน้ำลึกระดับหน้าอก บางจุดมิดหัว ปกคลุมไปด้วยพรรณไม้น้ำน้อยใหญ่นานาชนิดที่อุดมสมบูรณ์เขียวขจี มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี มีสัตว์น้ำ สัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุมลักษณะคล้ายป่าชายเลนโดยสภาพ และไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ใดๆ ที่สามารถอ้างสิทธิครอบครองทำกินได้ และพบหลักหมุดที่เจ้าหน้าที่ที่ดินสำรวจเตรียมออกโฉนดปักไว้บนคันคูร่องน้ำที่ทางโครงการอันเนื่องพระราชดำริฯ ขุดกันพื้นที่ไว้เป็นแก้มลิงหนองใหญ่ ป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองชุมพร จำนวนหลายจุดด้วย
นายนิวัฒน์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวหลังปรากฏข่าวทางสื่อมวลชน ผู้บังคับบัญชากรมป่าไม้ ให้ความสนใจจึงสั่งการให้ลงมาตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าประเภทใด กรมป่าไม้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องจะสามารถนำกฎหมายกรมป่าไม้บังคับใช้ได้เลยเพราะมีความรุนแรง และเด็ดขาด และหากพื้นที่นี้มีเจ้าภาพที่ชัดเจนก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดก็จะรายงานให้อธิบดีกรมป่าไม้รับทราบต่อไป
