กระบี่ - ประมงจังหวัดกระบี่ ระบุรื้อเครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมาย (โป๊ะ) ชาวกระบี่ได้ทะเลคืน 4 แสนไร่ พร้อมจำนวนปริมาณ สัตว์น้ำเพิ่มขึ้นทวีคูณ และจะประกาศปิดอ่าวทะเลอันดามัน 4 จังหวัดฤดูปลามีไข่ วางไข่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย นี้.
วันนี้ (22 มี.ค.) นายแสน ศรีงาม ประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ประมงจังหวัดกระบี่ ร่วมกับฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหารเข้ารื้อถอนโป๊ะ ซึ่งเป็นเครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมายในเขตพื้นที่ทะเลชายฝั่ง 3 อำเภอ ของจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอเหนือคลอง และอำเภอคลองท่อม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการรื้อถอนเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา จนแล้วเสร็จ รวมกว่า 200 ปาก สามารถนำพื้นที่ทะเลกลับมาให้ชาวบ้านได้ร่วมกันใช้ประโยชน์ได้กว่า 400,000 ไร่
นายแสน กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้จ่ายค่าชดเชยให้แก่ชาวประมงที่เลิกอาชีพทำโป๊ะ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ รวม 256 ราย ส่วนอีกกว่า 200 ราย ไม่ยอมรื้อถอน เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้รื้อถอนมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่ดำเนินการ จึงต้องเข้ารื้อถอนตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 24/2558 เรื่องการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2558 โดยเจ้าหน้าที่ทำภายใต้กรอบของกฎหมายทุกขั้นตอน
“จากผลการวิจัยพบว่า เครื่องมือทำประมงประเภทโป๊ะ เป็นเครื่องมือทำลายสัตว์น้ำวัยเจริญพันธุ์ อย่างร้ายแรง ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลง และกีดขวางการสัญจรทางน้ำ หลังจากรื้อถอนแล้วเชื่อว่าจะทำให้สัตว์น้ำทุกชนิดในพื้นที่ทะเลจังหวัดกระบี่ทั้งกุ้ง หอย ปลา ปู จะกลับมาอุดมสมบูรณ์และเพิ่มปริมาณจำนวนมากอีกครั้งอย่างแน่นอน และจะประกาศปิดอ่าวฯ เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายนของทุกปี
ในอาณาเขตพื้นที่ 4,696 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ซึ่งมาตรการปิดอ่าวฯ นี้ได้มีการกำหนดห้ามใช้เครื่องมือในการทำประมงบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อขยายพันธุ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำวัยอ่อนโดยเฉพาะ “ปลาทู” ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ ก็จะทำให้สัตว์น้ำมีปริมาณจำนวนเพิ่มมากเป็นทวีคูณอย่างแน่นอน ส่วนชาวประมงโป๊ะ ที่ไม่มีอาชีพ ขาดรายได้ ทางประมงจังหวัดกระบี่ ก็เข้าไปสำรวจ และให้การช่วยเหลือต่อไป” นายแสน กล่าว
วันนี้ (22 มี.ค.) นายแสน ศรีงาม ประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ประมงจังหวัดกระบี่ ร่วมกับฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหารเข้ารื้อถอนโป๊ะ ซึ่งเป็นเครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมายในเขตพื้นที่ทะเลชายฝั่ง 3 อำเภอ ของจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอเหนือคลอง และอำเภอคลองท่อม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการรื้อถอนเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา จนแล้วเสร็จ รวมกว่า 200 ปาก สามารถนำพื้นที่ทะเลกลับมาให้ชาวบ้านได้ร่วมกันใช้ประโยชน์ได้กว่า 400,000 ไร่
นายแสน กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้จ่ายค่าชดเชยให้แก่ชาวประมงที่เลิกอาชีพทำโป๊ะ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ รวม 256 ราย ส่วนอีกกว่า 200 ราย ไม่ยอมรื้อถอน เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้รื้อถอนมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่ดำเนินการ จึงต้องเข้ารื้อถอนตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 24/2558 เรื่องการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2558 โดยเจ้าหน้าที่ทำภายใต้กรอบของกฎหมายทุกขั้นตอน
“จากผลการวิจัยพบว่า เครื่องมือทำประมงประเภทโป๊ะ เป็นเครื่องมือทำลายสัตว์น้ำวัยเจริญพันธุ์ อย่างร้ายแรง ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลง และกีดขวางการสัญจรทางน้ำ หลังจากรื้อถอนแล้วเชื่อว่าจะทำให้สัตว์น้ำทุกชนิดในพื้นที่ทะเลจังหวัดกระบี่ทั้งกุ้ง หอย ปลา ปู จะกลับมาอุดมสมบูรณ์และเพิ่มปริมาณจำนวนมากอีกครั้งอย่างแน่นอน และจะประกาศปิดอ่าวฯ เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายนของทุกปี
ในอาณาเขตพื้นที่ 4,696 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ซึ่งมาตรการปิดอ่าวฯ นี้ได้มีการกำหนดห้ามใช้เครื่องมือในการทำประมงบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อขยายพันธุ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำวัยอ่อนโดยเฉพาะ “ปลาทู” ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ ก็จะทำให้สัตว์น้ำมีปริมาณจำนวนเพิ่มมากเป็นทวีคูณอย่างแน่นอน ส่วนชาวประมงโป๊ะ ที่ไม่มีอาชีพ ขาดรายได้ ทางประมงจังหวัดกระบี่ ก็เข้าไปสำรวจ และให้การช่วยเหลือต่อไป” นายแสน กล่าว