พังงา - หน่วยงานภาครัฐสนธิกำลังตรวจสอบนายทุน ชาวบ้านต่างถิ่นรุกที่สาธารณะนับพันไร่ใน อ.ท้ายเหมือง หลังยื่นคัดค้านการออกหนังสือที่หลวง
วันนี้ (21 มี.ค.) นายธวัช หงษ์บิน นายอำเภอท้ายเหมือง พร้อมด้วย นายศุภชัย สุกใส ผอ.หน่วยป้องกันปราบปรามการกระทำผิดป่าไม้ภาคใต้ นายประพันธ์ เช้าฉ้อง รองนายก อบต.ลำภี ที่ดินอำเภอท้ายเหมือง ตำรวจ ทหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อส. จำนวนกว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ หมู่ 4 ต.ลำภี อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยมีผู้จัดการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ตรวจสอบการบุกรุกที่ดินสาธารณะ จำนวน 5,400 ไร่ จากกลุ่มนายทุน
เบื้องต้น พบว่าทาง อบต.ลำภี ได้กันพื้นที่ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ พร้อมขอพื้นที่ออกเอกสารเป็น นสล. จำนวน 5,400 ไร่ ซึ่งได้สำรวจที่ดินไว้แล้วจำนวนกว่า 2,000 ไร่ ส่วนที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งทำหนังสือคัดค้าน พร้อมยื่นเอกสารสิทธิ จำนวน 30 แปลง เป็นเนื้อที่ จำนวน 500 ไร่ เพื่อยืนยัน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีการยอมรับจากผู้จัดการบริษัทเอกชนว่า มีการถือครองโดยไม่มีเอกสารสิทธิในเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ทำสวนปาล์มน้ำมัน ปลูกไม้กระถินเทพา นอกจากนี้ พบว่ามีชาวบ้านต่างพื้นที่ส่วนหนึ่งบุกรุกที่ดินดังกล่าว จึงทำการลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้นัดแนะทางเอกชนให้ดำเนินการนำชี้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาเนื้อที่ตามข้อเท็จจริง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมดำเนินการแก้ปัญหาจากกลุ่มนายทุนก่อน จากนั้นดูกลุ่มชาวบ้านแต่ละรายว่าตรงตามเกณฑ์การช่วยเหลือภาครัฐที่ต้องการช่วยเหลือผู้ยากไร้หรือไม่อย่างใด
นายธวัช หงษ์บิน นายอำเภอท้ายเหมือง กล่าวว่า มีกรณีข้อพิพาทเรื่องการโต้แย้งสิทธิตั้งแต่ปี 2528 ซึ่งทางภาครัฐได้ยื่นขอออก นสล. ของที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ลำภี และมีการคัดค้านโดยผู้ประกอบการ ล่าสุด มีการร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำให้ทางกรมป่าไม้ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร่วมกับทางอำเภอ โดยคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และพบว่ามีการสำรวจออก นสล.แล้วจำนวนกว่า 2,100 ไร่ ส่วนภาคเอกชนได้ยื่นเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 และ น.ส.3 ก จำนวน 30 ฉบับ เนื้อที่ 500 ไร่ เพื่อคัดค้านการออก นสล. ซึ่งไม่ได้มีการรังวัดจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากการรังวัดต้องใช้งบประมาณในการรังวัดเนื้อที่ร่วมแสนบาท ทำให้งบประมาณจาก อบต.ลำภี มีไม่เพียงพอ
ซึ่งต้องยอมรับว่าเนื้อที่ตามสารบบที่ดินแปลงนี้ไม่ชัดเจน จึงได้ให้ผู้ประกอบการนำชี้ว่าเอกสารที่ครอบครองมีอาณาเขตอย่างไร และทางตัวแทนผู้ประกอบการยอมรับว่ามีการครอบครองโดยไม่มีเอกสารสิทธิจำนวนกว่า 1,000 ไร่ และพบว่ามีพี่น้องประชาชนต่างถิ่นได้เข้ามาทำกินในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่งแต่ไม่มาก
วันนี้ (21 มี.ค.) นายธวัช หงษ์บิน นายอำเภอท้ายเหมือง พร้อมด้วย นายศุภชัย สุกใส ผอ.หน่วยป้องกันปราบปรามการกระทำผิดป่าไม้ภาคใต้ นายประพันธ์ เช้าฉ้อง รองนายก อบต.ลำภี ที่ดินอำเภอท้ายเหมือง ตำรวจ ทหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อส. จำนวนกว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ หมู่ 4 ต.ลำภี อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยมีผู้จัดการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ตรวจสอบการบุกรุกที่ดินสาธารณะ จำนวน 5,400 ไร่ จากกลุ่มนายทุน
เบื้องต้น พบว่าทาง อบต.ลำภี ได้กันพื้นที่ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ พร้อมขอพื้นที่ออกเอกสารเป็น นสล. จำนวน 5,400 ไร่ ซึ่งได้สำรวจที่ดินไว้แล้วจำนวนกว่า 2,000 ไร่ ส่วนที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งทำหนังสือคัดค้าน พร้อมยื่นเอกสารสิทธิ จำนวน 30 แปลง เป็นเนื้อที่ จำนวน 500 ไร่ เพื่อยืนยัน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีการยอมรับจากผู้จัดการบริษัทเอกชนว่า มีการถือครองโดยไม่มีเอกสารสิทธิในเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ทำสวนปาล์มน้ำมัน ปลูกไม้กระถินเทพา นอกจากนี้ พบว่ามีชาวบ้านต่างพื้นที่ส่วนหนึ่งบุกรุกที่ดินดังกล่าว จึงทำการลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้นัดแนะทางเอกชนให้ดำเนินการนำชี้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาเนื้อที่ตามข้อเท็จจริง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมดำเนินการแก้ปัญหาจากกลุ่มนายทุนก่อน จากนั้นดูกลุ่มชาวบ้านแต่ละรายว่าตรงตามเกณฑ์การช่วยเหลือภาครัฐที่ต้องการช่วยเหลือผู้ยากไร้หรือไม่อย่างใด
นายธวัช หงษ์บิน นายอำเภอท้ายเหมือง กล่าวว่า มีกรณีข้อพิพาทเรื่องการโต้แย้งสิทธิตั้งแต่ปี 2528 ซึ่งทางภาครัฐได้ยื่นขอออก นสล. ของที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ลำภี และมีการคัดค้านโดยผู้ประกอบการ ล่าสุด มีการร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำให้ทางกรมป่าไม้ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร่วมกับทางอำเภอ โดยคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และพบว่ามีการสำรวจออก นสล.แล้วจำนวนกว่า 2,100 ไร่ ส่วนภาคเอกชนได้ยื่นเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 และ น.ส.3 ก จำนวน 30 ฉบับ เนื้อที่ 500 ไร่ เพื่อคัดค้านการออก นสล. ซึ่งไม่ได้มีการรังวัดจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากการรังวัดต้องใช้งบประมาณในการรังวัดเนื้อที่ร่วมแสนบาท ทำให้งบประมาณจาก อบต.ลำภี มีไม่เพียงพอ
ซึ่งต้องยอมรับว่าเนื้อที่ตามสารบบที่ดินแปลงนี้ไม่ชัดเจน จึงได้ให้ผู้ประกอบการนำชี้ว่าเอกสารที่ครอบครองมีอาณาเขตอย่างไร และทางตัวแทนผู้ประกอบการยอมรับว่ามีการครอบครองโดยไม่มีเอกสารสิทธิจำนวนกว่า 1,000 ไร่ และพบว่ามีพี่น้องประชาชนต่างถิ่นได้เข้ามาทำกินในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่งแต่ไม่มาก