“ปลาเงินปลาทอง” นอกจากชื่อดี มีมงคล ยังเลี้ยงเพื่อรับเคราะห์แทนคน?! / สกนธ์ รัตนโกศล

คอลัมน์ : ดูรูปสวยแถมด้วยเกร็ดความรู้
โดย...สกนธ์ รัตนโกศล
--------------------------------------------------------------------------------

“ปลาทอง” หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “ปลาเงินปลาทอง”

อังกฤษ : goldfish ; ชื่อวิทยาศาสตร์ : Carassius auratus

เป็นปลาน้ำจืด อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) เป็นปลาที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน และญี่ปุ่น ปลาทองพันธุ์ดั้งเดิมมีลักษณะคล้ายปลาไน (Cyprinus carpio) มีลำตัวยาว และแบนข้าง หัวสั้นกว้าง หางสั้น เดิมใช้บริโภค ต่อมา ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะเด่นที่สวยงาม

มีความเชื่อกันว่า จีนเป็นประเทศแรกที่เลี้ยงไว้เป็นปลาสวยงามเพื่อการผ่อนคลาย ดังหลักฐานที่ปรากฏว่า มีการขุดค้นพบรูปสลักปลาทองหลากหลายสี ว่ายรวมกันอยู่ในบ่อที่ประเทศจีนอายุราว 2000 ปี

ส่วนปลาทองสายพันธุ์ดั้งเดิมในภาษาญี่ปุ่นเรียก “ฟุนะ” (鮒; フナ) ซะไก ในจังหวัดโอซะกะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นเมืองแรกที่พัฒนาสายพันธุ์ปลาทองให้มีความสวยงาม และมีความหลากหลายมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อศตวรรษที่ 17 ในราวปี ค.ศ.1502-1503 ปลาทองถูกนำไปเลี้ยงในยุโรป ศตวรรษที่ 19 ในอเมริกา

สำหรับในประเทศไทย เชื่อว่า ปลาทองนำเข้ามาในสมัยอยุธยาตอนกลาง เพื่อเป็นของบรรณาการในราชสำนักราวๆ ค.ศ. 1370-1489

นอกจากเลี้ยงเพื่อความสวยงาม แล้วชาวจีนยังมีความเชื่อกันตามหลักฮวงจุ้ยว่า ปลาทองที่เลี้ยงจะก่อให้เกิดโชคลาภ ต้องเป็นปลาที่มีสีแดง 1 ตัว ร่วมกับปลาสีอื่นๆ และปลาสีดำ 1 ตัว โดยมากจำนวนที่เลี้ยงมักจะเป็น จำนวน 9 ตัว ส่วนสีของปลา และตำแหน่งการวางตู้ปลา หรือบ่อเลี้ยงจะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของบ้าน

และยังเชื่อกันอีกด้วยว่า ปลาทองสามารถรับเคราะห์แทนผู้เป็นเจ้าของได้?!

ครับเฉพาะชื่อดี ชื่อเป็นมงคล ก็มีชัยไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือความสุขทางใจ คือ กำไรของการเลี้ยงนะขอรับ