ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คนร้ายทำทีเข้าไปเลือกซื้อทองคำหนัก 1 บาท หลายเส้น เมื่อพนักงานเผลอขโมยสร้อยคอทองคำ 1 เส้นใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหลบหนีออกจากร้านไป ระบุก่อเหตุมาแล้ว 2 ร้าน ในพื้นที่ ต.วิชิต และ ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต
จากกรณีเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 20 มีนาคม 2560 ได้มีสมาชิกในไลน์กลุ่มสายด่วน 1132 ใช้ชื่อว่า ChuChu ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 60 เวลาประมาณ 09.00 น. มีผู้หญิงตามภาพ ได้ทำทีมาเลือกซื้อสร้อยคอ น้ำหนัก 1 บาท ที่ห้างทองยงดี สาขาเมืองทอง บริเวณวงเวียนเมืองทอง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต อาศัยช่วงที่พนักงานเผลอหยิบสร้อยคอ 1 บาท 1 เส้น ใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง ทางร้านทราบตอนเย็นของวันเดียวกันจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตอนนี้แจ้งความต่อ สภ.วิชิต ไว้แล้ว จึงนำภาพมาให้สมาชิกในชมรม เผื่อมีการนำไปขายยังร้านอื่นในพื้นที่ค่ะ ตำรวจคาดว่าน่าจะยังไม่ออกจากพื้นที่ภูเก็ต ถ้าเข้าไปร้านไหนอีกดึงเวลาไว้แล้วแจ้ง 191 ค่ะ
ล่าสุด วันนี้ ( 21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้สอบไปยังแหล่งข่าวที่น่าเชื่อได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทราบว่า เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 18 มี.ค.60 กรรมการผู้จัดการบริษัท ยงดีวัฒนา จำกัด ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.เอกราช ชาติภัย รอง สว.สอบสวน สภ.วิชิต ว่า เมื่อช่วงเวลา 09.06 น. ของวันที่ 18 มี.ค.60 ได้มีคนร้ายเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 ปี ผมยาว สวมเสื้อยืดสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น สูงประมาณ 150 ซม. ได้เข้ามาที่ร้านทองยงดี ทำทีขอดูสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทหลายๆ เส้น แต่ไม่ได้ซื้อสร้อยคอทองคำแต่อย่างใด แล้วได้เดินออกจากร้านไป
ต่อมา เวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ทางพนักงานได้มีการเช็กสต๊อกสร้อยคอที่เหลืออยู่ก่อนที่จะปิดร้าน ปรากฏว่า มีสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท หายไป จากนั้นทางพนักงานได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน พบว่า มีผู้หญิงผมยาวที่เข้ามาในร้านช่วงเวลา 09.06 น. ได้หยิบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังแล้วเดินออกจากร้านไป จึงเดินทางมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 13.37 น. ของวันที่ 17 มี.ค.60 คนร้ายคนดังกล่าวได้ไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่ร้านทองยิ่งเจริญ หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ (สวนหลวง) ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านได้บันทึกภาพ และเห็นหน้าชัดเจน ขณะก่อเหตุสวมเสื้อแขนสั้นสีเทา สวมกางยีนส์ขาสั้น โดยทางเจ้าของร้านได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองภูเก็ต ไว้แล้วเช่นกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวทางตำรวจไม่นิ่งนอนใจ ได้เรียกชุดสืบสวนทั้ง 2 สภ.มาประชุมแล้ว เพื่อลงพื้นที่หาข่าว และติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี รวมทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุและหลบหนี และขณะนี้มีคืบหน้าไปมากแล้ว เนื่องจากกล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถบันทึกภาพหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน และเห็นรถยนต์ที่คนร้ายใช้ในก่อเหตุอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากคนร้ายมีการก่อเหตุ 2 พื้นที่ และเกรงว่าจะไปก่อเหตุในพื้นที่อีก จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้แก่ร้านทองในจังหวัดภูเก็ตทุกร้านให้ระวังคนร้ายเป็นผู้หญิง สูงประมาณ 150 ซม. ผมยาว เข้ามาทำทีเลือกซื้อทองจากร้านทอง โดยเลือกทองหลายๆ เส้น และใช้เวลานานในการเลือกซื้อ สามารถแจ้งมายัง 191 ได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม สภ.วิชิต และ สภ.เมืองภูเก็ต ได้ร่วมทำการสืบสวนจนทราบถึงยานพาหนะต้องสงสัยที่คนร้ายใช้ในการเดินทางมาก่อเหตุ เบื้องต้น เชื่อว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้อ มาสด้า 2 หรือ 3 สีขาว ติดเคปล่าสีดำที่กระโปงหน้า หมายเลขทะเบียน กย 1312 นครศรีธรรมราช หาก สภ.ใดพบเห็นรถยนต์คันดังกล่าวให้สกัดจับ และตรวจค้นได้ทันที นอกจากนั้น ยังมีการแจ้งไปยังด่านตรวจภูเก็ตให้เข้มในการตรวจสอบรถยนต์ที่ออกจากพื้นที่ภูเก็ต เพื่อสกัดรถยนต์คันดังกล่าวไม่ให้มีการหลบหนีของจากพื้นที่
จากกรณีเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 20 มีนาคม 2560 ได้มีสมาชิกในไลน์กลุ่มสายด่วน 1132 ใช้ชื่อว่า ChuChu ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 60 เวลาประมาณ 09.00 น. มีผู้หญิงตามภาพ ได้ทำทีมาเลือกซื้อสร้อยคอ น้ำหนัก 1 บาท ที่ห้างทองยงดี สาขาเมืองทอง บริเวณวงเวียนเมืองทอง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต อาศัยช่วงที่พนักงานเผลอหยิบสร้อยคอ 1 บาท 1 เส้น ใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง ทางร้านทราบตอนเย็นของวันเดียวกันจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตอนนี้แจ้งความต่อ สภ.วิชิต ไว้แล้ว จึงนำภาพมาให้สมาชิกในชมรม เผื่อมีการนำไปขายยังร้านอื่นในพื้นที่ค่ะ ตำรวจคาดว่าน่าจะยังไม่ออกจากพื้นที่ภูเก็ต ถ้าเข้าไปร้านไหนอีกดึงเวลาไว้แล้วแจ้ง 191 ค่ะ
ล่าสุด วันนี้ ( 21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้สอบไปยังแหล่งข่าวที่น่าเชื่อได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทราบว่า เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 18 มี.ค.60 กรรมการผู้จัดการบริษัท ยงดีวัฒนา จำกัด ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.เอกราช ชาติภัย รอง สว.สอบสวน สภ.วิชิต ว่า เมื่อช่วงเวลา 09.06 น. ของวันที่ 18 มี.ค.60 ได้มีคนร้ายเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 ปี ผมยาว สวมเสื้อยืดสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น สูงประมาณ 150 ซม. ได้เข้ามาที่ร้านทองยงดี ทำทีขอดูสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทหลายๆ เส้น แต่ไม่ได้ซื้อสร้อยคอทองคำแต่อย่างใด แล้วได้เดินออกจากร้านไป
ต่อมา เวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ทางพนักงานได้มีการเช็กสต๊อกสร้อยคอที่เหลืออยู่ก่อนที่จะปิดร้าน ปรากฏว่า มีสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท หายไป จากนั้นทางพนักงานได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน พบว่า มีผู้หญิงผมยาวที่เข้ามาในร้านช่วงเวลา 09.06 น. ได้หยิบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังแล้วเดินออกจากร้านไป จึงเดินทางมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 13.37 น. ของวันที่ 17 มี.ค.60 คนร้ายคนดังกล่าวได้ไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่ร้านทองยิ่งเจริญ หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ (สวนหลวง) ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านได้บันทึกภาพ และเห็นหน้าชัดเจน ขณะก่อเหตุสวมเสื้อแขนสั้นสีเทา สวมกางยีนส์ขาสั้น โดยทางเจ้าของร้านได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองภูเก็ต ไว้แล้วเช่นกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวทางตำรวจไม่นิ่งนอนใจ ได้เรียกชุดสืบสวนทั้ง 2 สภ.มาประชุมแล้ว เพื่อลงพื้นที่หาข่าว และติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี รวมทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุและหลบหนี และขณะนี้มีคืบหน้าไปมากแล้ว เนื่องจากกล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถบันทึกภาพหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน และเห็นรถยนต์ที่คนร้ายใช้ในก่อเหตุอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากคนร้ายมีการก่อเหตุ 2 พื้นที่ และเกรงว่าจะไปก่อเหตุในพื้นที่อีก จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้แก่ร้านทองในจังหวัดภูเก็ตทุกร้านให้ระวังคนร้ายเป็นผู้หญิง สูงประมาณ 150 ซม. ผมยาว เข้ามาทำทีเลือกซื้อทองจากร้านทอง โดยเลือกทองหลายๆ เส้น และใช้เวลานานในการเลือกซื้อ สามารถแจ้งมายัง 191 ได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม สภ.วิชิต และ สภ.เมืองภูเก็ต ได้ร่วมทำการสืบสวนจนทราบถึงยานพาหนะต้องสงสัยที่คนร้ายใช้ในการเดินทางมาก่อเหตุ เบื้องต้น เชื่อว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้อ มาสด้า 2 หรือ 3 สีขาว ติดเคปล่าสีดำที่กระโปงหน้า หมายเลขทะเบียน กย 1312 นครศรีธรรมราช หาก สภ.ใดพบเห็นรถยนต์คันดังกล่าวให้สกัดจับ และตรวจค้นได้ทันที นอกจากนั้น ยังมีการแจ้งไปยังด่านตรวจภูเก็ตให้เข้มในการตรวจสอบรถยนต์ที่ออกจากพื้นที่ภูเก็ต เพื่อสกัดรถยนต์คันดังกล่าวไม่ให้มีการหลบหนีของจากพื้นที่