กระบี่ - เด็กหญิง ป.6 ยอดกตัญญู ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาชีวิต พ่อเสียชีวิต ต้องคอยดูแลแม่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง ตามลำพัง แต่ไม่เคยทิ้งการศึกษา ครู เผยเป็นเด็กเรียนเก่ง วอนสังคมช่วยเหลือ
แม้โชคชะตาชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณพ่อแม่ได้ ชีวิตสุดรันทดของ น้องกระรอก หรือ ด.ญ.สินจัย สุดจิต วัย 12 ปี เด็กหญิงยอดกตัญญู คล้ายกับหนังดัง “วัลลี” ต้องหุงข้าว ทำกับข้าวให้แม่กิน และคอยดูแลแม่ที่ป่วยเป็นโรคความดัน เบาหวาน และตาพิการทั้ง 2 ข้าง ทั้งก่อนไปโรงเรียน และเลิกเรียน หลังจากที่พ่อบังเกิดเกล้าต้องมาเสียชีวิตด้วยโรคปัจจุบันทันด่วนไปก่อน เจ้าตัวไม่ท้อโชคชะตา ฝันอยากเป็นพยาบาลเพื่อได้ดูแลแม่ที่ป่วย
ผู้สื่อข่าวได้ติดตาม นายสมบูรณ์ อวยศิลป์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทับปริก ต.ทัปริก อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมด้วยคณะครูโรงเรียนบ้านทับปริก เดินทางไปที่บ้านของ ด.ญ.สินจัย หรือน้องกระรอก สุดจิต อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 อยู่บ้านเลขที่ 102 ม.5 ต.ทับปริก ตรวจเยี่ยมบ้านนักเรียนเพื่อคัดกรอง และให้การช่วยเหลือนักเรียนตามโครงการช่วยเหลือปัจจัยนักเรียนห่างไกล แต่ยากจน โดยพบว่า น้องกระรอก อาศัยอยู่กับแม่ตาบอดเพียงลำพัง 2 คน ภายในบ้านที่กำลังสร้างใหม่ยังไม่เสร็จ
น้องกระรอก บอกว่า ครอบครัวของตนมีด้วยกัน 3 คน พ่คือ อสมภพ สุดจิต อายุ 59 ปี แม่วิน เครือคง อายุ 52 ปี และตนเอง โดยพ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป แม่พิการตาบอด ไม่มีรายได้ และยังป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน ต้องไปหาหมอเป็นประจำ โดยปกติพ่อจะเป็นคนดูแลแม่ แต่เมื่อปี 58 ที่ผ่านมา พ่อก็มาเสียชีวิตด้วยโรคลม ทิ้งให้ตนกับแม่อยู่กันตามลำพัง ทำให้ชีวิตที่ไม่เคยหุงข้าวทำกับข้าว ก็ต้องหัดทำ มอเตอร์ไซค์ที่ขับไม่เป็นก็หัดขับ โดยทุกวันก่อนที่จะไปโรงเรียนก็จะทำกับข้าวหุงข้าว ให้แม่กิน และก็จะให้แม่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่บ้านป้าทุกวัน เลิกเรียนก็จะมารับกลับ
น้องกระรอก บอกด้วยว่า ถึงแม้ว่าพ่อจะจากไปแล้ว แต่ครอบครัวของตนก็ยังโชคดีที่ได้ญาติพี่น้องของแม่คอยดูแลช่วยเหลืออยู่ตลอด ถ้าหากวันไหนไม่มีเงิน ไม่มีกับข้าว ลุงกับป้าก็จะหยิบยื่นให้ตลอด รวมทั้งเป็นธุระพาแม่ไปหาหมอด้วย แต่ถึงชีวิตของตนจะต่างกับเพื่อนๆ ก็ไม่เคยรู้สึกท้อแท้กับชีวิต ตนก็มีความฝันโตขึ้นอยากเป็นพยาบาล เพื่อที่จะได้มาดูแลแม่ที่ป่วย
ด้าน นางแจ๊ด รุ่งรังสี ป้าของน้องกระรอก กล่าวว่า หลังจากที่พ่อของน้องกระรอก เสีย ก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรติดตัว มีเพียงบ้าน และที่ดิน แล้วก็รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน ด้วยความเป็นห่วงหลานผู้หญิงที่ต้องอยู่ตามลำพังกับแม่พิการตาบอด และมีโรคประจำตัว ประกอบกับบ้านที่อยู่ประจำ ถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง จึงได้ให้ขายบ้านไป และนำเงินที่ขายบ้านได้มาสร้างบ้านใหม่ โดยยกที่ดินให้อยู่ติดกับบ้านของตน เพื่อยามที่น้องกระรอก ไปโรงเรียนตนก็จะได้ดูแลได้ แต่ที่เป็นห่วงต่อไปก็คือ อนาคตของหลาน เพราะแม่ไม่มีรายได้ มีเพียงเงินรายได้คนพิการเดือนละ 800 บาทเท่านั้น
คุณครูสายชล บุญชิตร ครูประจำชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านทับปริก กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้เริ่มจัดโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียน โดยแต่ละเดือนจะหมุนเวียนไปเยี่ยมบ้านของนักเรียนแต่ละชั้น เพื่อถามสารทุกข์สุกดิบ และสภาพความเป็นอยู่ โดยพบว่า น้องกระรอก ต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้ง เห็นแล้วน่าสงสารมาก นอกจากนี้ น้องกระรอก ก็ยังมีพฤติกรรมที่ชอบช่วยงานกิจกรรมโรงเรียน และมีความกตัญญูแม่ และการเรียนอยู่ในระดับดีสนใจการเรียน โดยเกรดเฉลี่ย ป.5 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.85 แต่เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน และเป็นลูกสาวคนเดียวจึงต้องไปคอยดูแลแม่ทีป่วยสารพัดโรค และพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง
อีกทั้งเมื่อได้เห็นความฝันของน้องกระรอก และพฤติกรรมที่เป็นเด็กดี จึงอยากให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือครอบครัว และเรื่องการศึกษาในอนาคต สำหรับผู้ใจบุญหากต้องการช่วยเหลือน้องกระรอก สามารถบริจาคเงินได้ที่บัญชีธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 020177860309 บัญชี ด.ญ.สินจัย สุดจิต หรือสอบถามข้อมูลได้ที่คุณครูสายชล 08-0144-7107 หรือน้องกระรอก โทร 06-4973-3120