พังงา - แตงไทย ของฝากขึ้นชื่อของบ้านบ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ปีละหลายแสนบาท ลูกค้านิยมซื้อไปทำขนมหวานผสมกับน้ำกะทิสด ได้รสชาติหอมหวาน นุ่มลิ้น ลดความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี
ถ้าเราผ่านไปในเส้นทางถนนเพชรเกษมพังงา-ทับปุด เมื่อผ่านช่วงบ้านบ่อแสน จะเห็นว่ามีของฝากวางจำหน่ายตลอดเส้นทาง และโดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งแบบนี้ด้วยแล้ว ของฝากขึ้นชื่อบ้านบ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา อย่างแตงไทย ก็จะถูกพ่อค้าแม่ค้านำมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก
ร้านขายของฝากริมถนนสายพังงา-ทับปุด ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา ต่างนำแตงไทยที่มีการปลูกในพื้นที่มาจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้เส้นทางถนนสายดังกล่าว ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพื่อนำไปทำเป็นขนมหวานกินในช่วงอากาศร้อน ซึ่งแตงไทยมีสรรพคุณช่วยอาการดับร้อนในช่วงอากาศร้อนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยแต่ละร้านต่างมีรายได้ดีจากการจำหน่ายแตงไทยที่จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 25-30 บาท สามารถจำหน่ายได้กำไรวันละ 2,000-3,000 บาท
ในอดีตนั้น ตำบลบ่อแสน เป็นพื้นที่ทำนาปลูกข้าว และปลูกแตงโมในช่วงหมดหน้านา ปัจจุบันไม่มีการทำนาแล้ว เกษตรกรจึงใช้พื้นที่นามาปลูกแตงไทย โดย นายย่าหมาน หวันเมือง อายุ 64 ปี เจ้าของสวนแตงไทยรายใหญ่ที่สุดในตำบลบ่อแสน เปิดเผยว่า ตนเองปลูกแตงไทยมานานกว่า 30 ปี แต่เดิมได้ปลูกแตงโม แต่รายได้ไม่คุ้มค่า ไม่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ จึงได้หันมาปลูกแตงไทย เริ่มจากแตงไทยพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งจะมีกลิ่นหอมเย็นมากกว่าพันธุ์อื่น และในปัจจุบัน ได้ปลูกแตงไทยผสมกันระหว่างพันธุ์พื้นเมือง และพันธุ์อีสาน เนื่องจากความต้องการของตลาดมีปริมาณมากจึงต้องมีการปลูกสลับกัน โดยจัดการพื้นที่ไว้ 2 แปลง สลับไปมา สามารถเก็บผลผลิตได้ทั้งปี ขายส่งให้แก่ร้านค้าริมถนนกิโลกรัมละ 13-15 บาท สามารถทำรายได้เฉลี่ยปีละกว่า 150,000 บาท
การปลูกแตงไทยนั้น จะเริ่มจากเตรียมดินนำต้นแตงไทยที่เพาะเมล็ดไว้จนขึ้น 2-3 ใบ นำมาลงแปลงปลูกใช้เวลาเพียง 60 วัน สามารถเก็บผลผลิตได้ ซึ่งในช่วงอายุ 35-45 วัน ต้องดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากโรคต่างๆ จะรุมเร้าในช่วงอายุของแตงไทย และการปลูกแตงไทยของตนเองจะไม่ใช้สารเคมี เมื่อแตงไทยเริ่มสุกสีผิวจะเริ่มเปลี่ยน ก้านขั้วจะแห้ง ส่งกลิ่นหอม สามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้ทันที
สำหรับแตงไทยสามารถบริโภคได้โดยการทำขนมหวานผสมกับน้ำกะทิสด จะมีรสชาติหอมหวาน นุ่มลิ้น ลดความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี