พังงา - ชาวบ้านพังงาผวาแก๊งขโมยไฟท้ายรถกระบะตามใบสั่ง คืนเดียวโดนไป 4 คันรวด ตร.จับตัวไม่ได้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (19 มี.ค.) พ.ต.ท.อนันต์ เกื้อบุญแก้ว พนักงานสอบสวนเวร สภ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในเขต อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ว่า มีแก๊งขโมยไฟท้ายรถยนต์ออกตระเวนขโมยไฟท้ายรถกระบะของชาวบ้าน คืนเดียว จำนวน 4 คันรวด หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ตะกั่วป่า จึงได้ออกตรวจสอบ พบว่า มีคนร้าย จำนวน 2-3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ลาดตระเวนในช่วงดึก เมื่อพบเห็นรถกระบะเป้าหมายกลุ่มคนร้ายจะลงมือเปิดฝาปิดกระบะ และขันนอตยึดไฟท้าย ก่อนถอดไฟท้ายออก โดยใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 3 นาที หลังก่อเหตุคนร้ายหลบหนีไป
สำหรับวิธีการทำงานของคนร้ายจะมีวิธีการล่อหลอกเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ หรือคนที่ผ่านไปมาสงสัย โดยคนแรกทำทีมานั่งฝาท้ายของรถกระบะ ส่วนอีกคนก็ทำหน้าที่แกะไฟท้ายทั้งสองข้างของรถกระบะออกอย่างรวดเร็วแล้วหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าของรถกระบะทั้ง 4 คัน ที่มีการเข้ามาแจ้งความจะเป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่น ดีแมคซ์ ออลนิว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะกั่วป่า ได้ทดลองนำรถตำรวจสายตรวจมาทดลองถอดพร้อมทำตำหนิแจ้งเตือนขั้นตอนป้องกันให้แก่ชาวบ้านได้รับทราบ
โดยก่อนหน้านี้ ก็พบมีไฟท้ายรถรุ่นดังกล่าวสูญหายแล้วหลายรายเช่นกัน มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังจับกุมตัวไม่ได้ และกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง โดยพบว่าครั้งนี้กลุ่มมิจฉาชีพได้ก่อเหตุ 4 คันรวด จึงคาดว่ากลุ่มมิจฉาชีพจะนำไฟท้ายไปขายให้แก่อู่ซ่อมรถในราคาถูกเพื่อเป็นอะไหล่ให้แก่รถรุ่นดังกล่าว ซึ่งพบว่ามีการใช้กันอย่างแพร่หลายในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพจากที่อื่น หรือในพื้นที่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ด้าน น.ส.สุจิตรา เรือศรี บ้านเลขที่ 31/2 ถ.วัฒนา ต.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เจ้าของรถกระบะเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังออกจากบ้านเพื่อไปส่งแฟนขึ้นรถรับส่งพนักงาน พบว่า รู้สึกผิดปกติเมื่อพบเห็นรถเข็นขายของที่ตนนำมาจอดปิดท้ายรถกระบะทุกวันได้เลื่อนออกไป ก่อนจะสังเกตเห็นว่าไฟท้ายรถกระบะของตนได้หายไป 2 ข้าง จึงตรวจสอบรอบๆ ตัวรถกระบะ แต่ไม่พบชิ้นส่วนอื่นใดสูญหายไป จึงได้เดินทางไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ แต่กลับพบว่า ได้มีผู้เสียหายอีกหลายรายเข้าแจ้งความเช่นเดียวกับตน
หลังจากนั้น ได้นำภาพ และข้อความเตือนภัยแชร์ในเฟซบุ๊ก เพื่อเตือนให้แก่ผู้ที่มีรถกระบะได้ระมัดระวัง ซึ่งพบว่าหลังจากได้ดูกล้องวงจรปิดได้มีชาย 2 คน ใช้อุปกรณ์มีลักษณะคล้ายโทรศัพท์ทำเป็นไฟฉายมาส่องที่บริเวณไฟท้ายกระบะ และมีชายอีกคนคอยขับขี่รถจักรยานยนต์วนไปมา ก่อนที่จะเลื่อนรถเข็นขายของออกเพื่อเปิดฝาท้าย และใช้ไขควงขันนอต และถอดไฟท้ายทั้ง 2 ดวงออกไปด้วยความรวดเร็ว และหลบหนีหายไป
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (19 มี.ค.) พ.ต.ท.อนันต์ เกื้อบุญแก้ว พนักงานสอบสวนเวร สภ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในเขต อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ว่า มีแก๊งขโมยไฟท้ายรถยนต์ออกตระเวนขโมยไฟท้ายรถกระบะของชาวบ้าน คืนเดียว จำนวน 4 คันรวด หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ตะกั่วป่า จึงได้ออกตรวจสอบ พบว่า มีคนร้าย จำนวน 2-3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ลาดตระเวนในช่วงดึก เมื่อพบเห็นรถกระบะเป้าหมายกลุ่มคนร้ายจะลงมือเปิดฝาปิดกระบะ และขันนอตยึดไฟท้าย ก่อนถอดไฟท้ายออก โดยใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 3 นาที หลังก่อเหตุคนร้ายหลบหนีไป
สำหรับวิธีการทำงานของคนร้ายจะมีวิธีการล่อหลอกเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ หรือคนที่ผ่านไปมาสงสัย โดยคนแรกทำทีมานั่งฝาท้ายของรถกระบะ ส่วนอีกคนก็ทำหน้าที่แกะไฟท้ายทั้งสองข้างของรถกระบะออกอย่างรวดเร็วแล้วหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าของรถกระบะทั้ง 4 คัน ที่มีการเข้ามาแจ้งความจะเป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่น ดีแมคซ์ ออลนิว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะกั่วป่า ได้ทดลองนำรถตำรวจสายตรวจมาทดลองถอดพร้อมทำตำหนิแจ้งเตือนขั้นตอนป้องกันให้แก่ชาวบ้านได้รับทราบ
โดยก่อนหน้านี้ ก็พบมีไฟท้ายรถรุ่นดังกล่าวสูญหายแล้วหลายรายเช่นกัน มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังจับกุมตัวไม่ได้ และกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง โดยพบว่าครั้งนี้กลุ่มมิจฉาชีพได้ก่อเหตุ 4 คันรวด จึงคาดว่ากลุ่มมิจฉาชีพจะนำไฟท้ายไปขายให้แก่อู่ซ่อมรถในราคาถูกเพื่อเป็นอะไหล่ให้แก่รถรุ่นดังกล่าว ซึ่งพบว่ามีการใช้กันอย่างแพร่หลายในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพจากที่อื่น หรือในพื้นที่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ด้าน น.ส.สุจิตรา เรือศรี บ้านเลขที่ 31/2 ถ.วัฒนา ต.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เจ้าของรถกระบะเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังออกจากบ้านเพื่อไปส่งแฟนขึ้นรถรับส่งพนักงาน พบว่า รู้สึกผิดปกติเมื่อพบเห็นรถเข็นขายของที่ตนนำมาจอดปิดท้ายรถกระบะทุกวันได้เลื่อนออกไป ก่อนจะสังเกตเห็นว่าไฟท้ายรถกระบะของตนได้หายไป 2 ข้าง จึงตรวจสอบรอบๆ ตัวรถกระบะ แต่ไม่พบชิ้นส่วนอื่นใดสูญหายไป จึงได้เดินทางไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ แต่กลับพบว่า ได้มีผู้เสียหายอีกหลายรายเข้าแจ้งความเช่นเดียวกับตน
หลังจากนั้น ได้นำภาพ และข้อความเตือนภัยแชร์ในเฟซบุ๊ก เพื่อเตือนให้แก่ผู้ที่มีรถกระบะได้ระมัดระวัง ซึ่งพบว่าหลังจากได้ดูกล้องวงจรปิดได้มีชาย 2 คน ใช้อุปกรณ์มีลักษณะคล้ายโทรศัพท์ทำเป็นไฟฉายมาส่องที่บริเวณไฟท้ายกระบะ และมีชายอีกคนคอยขับขี่รถจักรยานยนต์วนไปมา ก่อนที่จะเลื่อนรถเข็นขายของออกเพื่อเปิดฝาท้าย และใช้ไขควงขันนอต และถอดไฟท้ายทั้ง 2 ดวงออกไปด้วยความรวดเร็ว และหลบหนีหายไป