ตรัง - ตำรวจจราจร สภ.เมืองตรัง ลงทุนควักเงินส่วนตัวไปซื้อหมวกกันน็อกที่มีกล้องบันทึกภาพ หรือหมวกติดกล้อง มาใช้เป็นแห่งแรกของภาคใต้ หวังช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น และลดปัญหาต่างๆ
วันนี้ (7 มี.ค.) พ.ต.ต.ภูริทัศน์ ชัยศร สารวัตรจราจร สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ขณะนี้งานตำรวจจราจร สภ.เมืองตรัง ได้มีการนำเทคโนโลยีไฮเทคมาพัฒนา โดยการติดกล้องบันทึกภาพไว้ที่หมวกกันน็อก หรือหมวกติดกล้อง สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองตรัง ซึ่งถูกออกแบบไว้เป็นกรณีพิเศษ โดยมีกล้องบันทึกภาพติดอยู่ใต้หมวก ทั้งนี้ เมื่อมีการเปิดสวิตช์เครื่องก็จะทำการบันทึกทันที โดยสามารถบันทึกได้นานถึง 8 ชม. และจะมีการวนซ้ำไปมาเรื่อยๆ หากไม่มีการลบ หรือตัดต่อเหตุการณ์ใดๆ สำหรับหน่วยความจำจะมีการ์ดรูปแบบเดียวกับโทรศัพท์ ซึ่งทำให้สะดวก และง่ายต่อการดูข้อมูลที่บันทึกไว้
สารวัตรจราจร สภ.เมืองตรัง กล่าวอีกว่า ตนได้ขอความมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรใช้หมวกติดกล้องดังกล่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดการโต้เถียง และสามารถเป็นหลักฐานอย่างดีหากเกิดคดีขึ้น รวมถึงการให้ และรับสินบนซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนั้น ยังเป็นหลักจิตวิทยา ทั้งผู้ปฎิบัติหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องให้ระมัดระวังทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานด้านจราจร อีกทั้งเมื่อมีการเทียบเคียงสถิติกับสถานที่ที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด จะเห็นว่ามีปัญหาอาชญากรรมลดลงมาก แต่พื้นที่ที่ยังไม่มีกล้องวงจรปิดกลับมีอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อย ดังนั้น หมวกติดกล้องก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาได้เช่นกัน
โดยขณะนี้ งานตำรวจจราจร สภ.เมืองตรัง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้หมวกติดกล้อง รวม 9 นาย จากกำลังทั้งหมด 36 นาย ซึ่งมีการแบ่งการปฏิบัติหน้าที่เป็น 4 ผลัดเวร และทุกผลัดเวรจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่มีหมวกติดกล้อง 1 นาย โดยถือเป็นงานตำรวจจราจรแห่งแรกของภาคใต้ที่มีการนำเทคโนโลยีไฮเทคดังกล่าวมาใช้ สำหรับสาเหตุที่ยังมีหมวกติดกล้องในสัดส่วนที่น้อยอยู่ เพราะต้องใช้งบส่วนตัวของเจ้าหน้าที่แต่ละนายไปจัดหากันมาเอง ขณะที่งานจราจร สภ.เมืองตรัง ก็อยากจะจัดงบสนับสนุน แต่ยังไม่สามารถทำได้
ด้าน ด.ต.สุขชัย คำหล้า และ ด.ต.ฉัตรชัย คงกลับ ผบ.หมู่งานจราจร สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า การใช้หมวกกันน็อกที่มีกล้องบันทึกภาพทำให้งานสะดวกขึ้น และผู้ใช้รถใช้ถนนไม่กล้าโต้แย้งมากนัก เพราะผู้กระทำผิดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยยอมรับผิด และบางคนมีพฤติกรรมพาลกล่าวโทษผู้อื่น แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรมีหลักฐานที่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ก็จะง่ายต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าได้หมวกติดกล้องมาแบบฟรีๆ ก็จะดีมาก เพราะตอนนี้พวกตนต้องใช้งบส่วนตัวจัดหามา