ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กลุ่มรักชื่อเสียงภูเก็ต รวมตัวยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ขอให้ตรวจสอบโครงการในเครือ Emerald Development Group เข้าข่ายทำผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งเรื่องโฉนดที่ดิน รูปแบบการก่อสร้างอาคาร ขณะที่เจ้าของโครงการออกโรงโต้พร้อมให้ตรวจสอบ มั่นใจดำเนินการตามกฎหมายกำหนด และพร้อมดูแลลูกค้าที่อ้างว่ามีปัญหา แฉมีกลุ่มบุคคลข่มขู่เรียกผลประโยชน์จากโครงการ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ตัวแทนกลุ่มรักชื่อเสียงจังหวัดภูเก็ต กว่า 20 คน นำโดย นายนิรันดร์ ชัชเวช เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ขอให้ตรวจสอบโครงการที่น่าจะทำผิดกฎหมาย ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายนันทศักดิ์ บุญนาค ผู้อำนวยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว
นายนิรันดร์ ชัชเวช ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวว่า ตามที่ คสช.และรัฐบาลได้มีนโยบายให้มีการตรวจสอบที่ดินที่มิชอบด้วยกฎหมาย หรือบุคคลใดที่กระทำการหรืออาจกระทำการให้เสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศไทย หรือฉ้อโกงประชาชน และชาวต่างชาติ ทำให้เกิดความเสียหายในภาพลักษณ์ของประเทศ และการท่องเที่ยว รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศ ตนในนามตัวแทนกลุ่มผู้รักชื่อเสียงภูเก็ต จึงขอยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้พิจารณาตรวจสอบโครงการที่น่ากระทำผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตนได้รับข้อมูลจากผู้เดือดร้อนของโครงการในเครือ Emerald จำนวน 3 โครงการ ว่า น่าจะมีการกระทำผิดกฎหมายหลายประเด็นด้วยกัน ดังนี้ 1.โครงการ Emerald Development Group มีการขยายโครงการบริเวณหาดกะหลิม ต.ป่าตอง อ.กะทู้ มีการสร้างโรงแรม 5 ดาว วิลลา คอนโด และบีชคลับ ซึ่งให้เอกสารหลักฐานที่ดินในการก่อสร้าง น.ส.3 ก เลขที่ 4606 ได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็น 5 แปลง เป็นที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 8101, 8102, 8103, 8104 และ 4606 ที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 4607 ได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็น 5 แปลง เป็นที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 8042, 8043, 8044, 8045 และ 4607 ซึ่งมีจำนวนเนื้อที่ดินน้อยกว่า 30 ไร่ และเดิมที่ดินแปลงดังกล่าวมีจำนวนที่ดินไม่ถึง 10 ไร่ แต่มีการออกเอกสารสิทธิที่ดินเพิ่มจากของเดิมเป็นเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 30 ไร่ มีการออกเอกสารทับที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีความก่อสร้างเกินกว่าความสูงกฎหมายกำหนด มีการขุดดิน ถมดินเข้าไปในแนวเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โครงการดังกล่าวยังได้มีการโฆษณาชวนเชื่อให้บุคคลต่างๆ หรือชาวต่างชาติมาวางเงินมัดจำในการขายคอนโด และวิลลาเป็นจำนวนมาก บางกลุ่มที่มาจับจองซื้อ หรือวางเงินมัดจำก็ได้มีการฟ้องร้องไปแล้วบางส่วน
2.โครงการ Emerald Patong โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ อยู่บนที่ดิน Hill Side บนถนนพระบารมี ใกล้กับทางแยกถนนผังเมืองสาย ก. ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ผ่านด้านหลังของห้างจังซีลอน โครงการเป็นอาคารชุด จำนวน 2 อาคาร 2 Phase ทั้งหมด 173 ยูนิต จากคำบอกเล่าของผู้เดือดร้อนจากโครงการนี้มีการออกโฉนดอาคารห้องชุดที่ไม่ถูกต้อง เช่น ลักษณะของตัวแบบการยื่นขออนุญาตก่อสร้าง กับพื้นที่การใช้สอยในการขายตัวอาคารไม่เหมือนกัน แสดงว่ามีการก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตมา ทำให้โฉนดในการซื้อขายคอนโดนี้ไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงของโครงการ มีการออกเอกสารพื้นที่การใช้สอย กล่าวคือ นำพื้นที่ที่ขออนุญาตเป็นดาดฟ้ามาสร้างเป็นห้องพักคอนโด เพื่อจะได้ขายลูกค้าต่อไป
3.โครงการ Emerald Central โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดินถนนวิชิตสงคราม หมู่ที่ 1 ต.กะทู้ อ.กะทู้ โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วบางส่วน ตามใบอนุญาตที่ ภก.52303/921 และใบอนุญาตอาคารชุดเลขที่ 35/2558 เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น จำนวน 1 หลัง คสล. 8 ชั้น จำนวน 1 หลัง โครงการนี้มีการก่อสร้างที่ผิดไปจากแบบแปลนในการขออนุญาต หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้ว มีการก่อสร้างเกินความสูงที่ได้รับอนุญาต และเกินที่กฎหมายกำหนด มีการเปลี่ยนแปลงแบบตัวอาคารไปจากเดิม
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สั่งการให้มีการตรวจสอบโครงการดังกล่าวว่าได้กระทำการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต หรือเกิดความเสียหาย การเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทย และจังหวัดภูเก็ต และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ด้าน นายนันทศักดิ์ บุญนาค ผู้อำนวยศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต กล่าวหลังจากตรวจสอบหนังสือ ได้รับเรื่องไว้ เพื่อนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทราบต่อไป และจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ด้าน นายสาวิตร เกตุโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลล็อปเม้นท์ กรุ๊ป ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่าจากหนังสือร้องเรียนดังกล่าว ทางบริษัทได้รับทราบเรื่องแล้ว แต่เนื่องจากข้อมูลในหนังสือร้องเรียนไม่ได้ระบุชื่อผู้ร้องเรียนที่ชัดเจน อ้างเพียงข้อมูลผู้เดือดร้อน ซึ่งปกติบริษัทมีแผนกดูแลลูกค้าที่มีปัญหาเป็นอย่างดี
บริษัท เอ็มเมอรัลด์ฯ ขอยืนยันว่า บริษัทได้ดำเนินธุรกิจภายในกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ทำสิ่งใดที่เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งที่น่าสังเกตในหนังสือดังกล่าวที่บริษัทต้องขอตรวจสอบคือ 1.หนังสือไม่ระบุผู้ร้องที่ชัดเจน 2.ข้อมูลโครงการที่กล่าวอ้างล้วนแต่ไม่ตรงต่อข้อเท็จจริง และ 3. บริษัทเคยถูกข่มขู่ และคุกคามเรียกผลประโยชน์จากบางกลุ่มมาหลายครั้งแล้ว ด้วยหลายวิธีการ แต่ทางบริษัทไม่ได้ให้ผลประโยชน์ตามที่ขอมา โดยรายละเอียดเชิงลึกอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมนำไปร้องเรียนดำเนินคดีต่อไป
นายสาวิตร กล่าวต่อว่า ทางบริษัทพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบ พร้อมทั้งรับดูแลลูกค้าที่อ้างว่ามีปัญหาดังกล่าว หากการทำงานของบริษัทถูกกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์อ้างข้อมูลที่ไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงมานำเสนอต่อสาธารณะ ในฐานะผู้บริหารก็เชื่อว่าความชอบธรรมของระบบในบ้านเมืองนี้น่าจะช่วยคลี่คลายในประเด็นเหล่านี้ได้