ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ไอเดียเจ๋ง! นศ.พยาบาลศาสตร์ มรส.ผลิตดินน้ำมันจากกระดาษรีไซเคิล ใช้เป็นของเล่นเพื่อการบำบัดคน 3 วัย ช่วยเสริมพัฒนาการลูกหลาน สร้างสมาธิเด็กออทิสติก และอื่นๆ ผ่านฉลุยเข้าชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
วันนี้ (22 ก.พ.) น.ส.วิรีภรณ์ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) เปิดเผยว่า นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มรส.ได้นำกระดาษรีไซเคิลมาผลิตเป็นดินน้ำมัน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบำบัดกลุ่มคน 3 วัย คือ วัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ และวัยผู้สูงอายุ โดยโครงการดังกล่าวได้ผ่านการคัดเลือกจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้เป็น 1 ใน 28 โครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย ปีที่ 5 เพื่อเข้าชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อไป
“ในวัยเด็ก เราสามารถใช้ดินน้ำมันมาช่วยสร้างจินตนาการ และพัฒนาการให้สมวัยได้ เสริมสร้างสมาธิในเด็กที่มีภาวะออทิสติก และความพิการทางสมอง หากผู้ปกครองได้เล่นกับลูกหลานก็จะเป็นการสร้างความรักความผูกพันในครอบครัว ส่วนผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุที่มีอาการอันเกิดจากการทำงานด้วยมือ หรือใช้มือเป็นเวลานาน เช่น นิ้วล็อกจากการใช้คอมพิวเตอร์ หรือกดโทรศัพท์มือถือ โรคพังผืดทับเส้นประสาท หรือโรคอัมพฤกษ์ การปั้นนวดดินน้ำมันอย่างสม่ำเสมอก็สามารถบำบัดอาการเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน” อาจารย์พยาบาล กล่าว
น.ส.นุสราภรณ์ เกษแก้ว นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะพยาบาลศาสตร์ หนึ่งในนักศึกษาเจ้าของโครงการเปิดเผยถึงที่มาของโครงการดังกล่าวว่า ตน และเพื่อนๆ ได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ มาเป็นแนวคิดในการผลิตดินน้ำมันจากวัสดุเหลือใช้ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาวะโลกร้อนจากการใช้กระดาษแล้ว ดินน้ำมันที่ได้ยังปลอดภัยต่อเด็ก และผู้ป่วย ราคาถูก และสามารถทำใช้เองในครอบครัวได้ด้วย
“ตน และเพื่อนๆ ได้นำดินน้ำมันที่เราผลิตเองไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้าน และหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่น พร้อมให้ความรู้ประกอบ เช่น มอบให้แก่ศูนย์อพยพเด็กชาวโรฮีนจา และเด็กต่างด้าว มอบให้แก่เด็กออทิสติกที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ มอบให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็กที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น นอกจากนี้ เรายังจัดกิจกรรมอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เชิญผู้สูงอายุมาร่วมกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ จัดกิจกรรมบริหารมือด้วยดินน้ำมันให้แก่บุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ เพื่อป้องกันโรคจาการทำงาน เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก และให้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก” น.ส.นุสราภรณ์ กล่าว