ตรัง - คนร้ายลอบตัดหินงอกหินย้อย ภายในถ้ำเขาช้างหาย ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียง พบหลายจุดถูกตัดต่อเนื่อง นายก อบต.ลั่น ไม่ยอมความเด็ดขาด ถือเป็นการทำลายชาติ ด้าน ผกก.สภ.นาโยง ทราบข้อมูลคนร้ายแล้ว คาดเข้ามอบตัวเร็วๆ นี้
จากกรณีที่คนร้ายได้สวมรอยเป็นนักท่องเที่ยว ก่อนเข้าไปลักลอบตัดหินงอกหินย้อย ภายในถ้ำเขาช้างหาย ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ จ.ตรัง
ล่าสุด วันนี้ (16 ก.พ.) พ.ต.ท.ชัยโรจน์ โพธิปฐม ผกก.สภ.นาโยง นายเจริญศร นารายณ์ กำนันตำบลนาหมื่นศรี นายวิโรจน์ เยาว์ดำ นายก อบต. พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาโยง และเจ้าหน้าที่รุดลงตรวจสอบพื้นที่ถ้ำเขาช้างหาย ม.5 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง อีกครั้ง
โดย นายวิโรจน์ เยาว์ดำ นายก อบต.นาหมื่นศรี กล่าวว่า ช่วงที่ ต.นาหมื่นศรี มีงานเทศกาลลูกลม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่นนั้น ปรากฏว่า มีกลุ่มคน และนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก แต่มีอยู่กลุ่มหนึ่งประมาณ 5-6 คน ซึ่งมีทั้งผู้ชาย และผู้หญิง แต่งตัวนุ่งขาวห่มขาว ขับรถยนต์แวนเชฟโรเลต สีดำ หมายเลขทะเบียน กย 4754 สุราษฎร์ธานี มาจอดไว้บริเวณลานหน้าถ้ำ แล้วขอเข้าไปในถ้ำเพื่อนั่งวิปัสสนาสมาธิ
เจ้าหน้าที่บริการนักท่องเที่ยวบอกตนว่า บุคคลกลุ่มดังกล่าวเข้าไปในถ้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วกลับออกมาพร้อมกระเป๋าสะพาย และมีพ่อค้าขายของอยู่หน้าถ้ำ สังเกตเห็นว่าในกระเป๋าดังกล่าวมีหินคล้ายหินงอกหินย้อยโผล่ออกมาราว 2 อัน ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ขอดู แต่กลุ่มบุคคลต้องสงสัยกลับช่วยกันบ่ายเบี่ยงความสนใจ หลอกล่อจนสามารถหลบขึ้นรถยนต์หนีไป แต่โชคดีเจ้าหน้าที่สามารถถ่ายรูปรถยนต์ของคนร้ายเอาไว้ได้
นายก อบต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้มอบหลักฐานทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบ และติดตามตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนจะไม่มีการยอมความเด็ดขาด และขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพราะถ้ำเขาช้างหาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นสมบัติของชาติ หากผู้ใดทำลายก็เท่ากับทำลายชาติด้วย หลังจากนี้ ก็จะมีมาตรการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวที่รัดกุมมากขึ้น
พ.ต.ท.ชัยโรจน์ โพธิปฐม ผกก.สภ.นาโยง กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองใบ ผบภ.จว.ตรัง ให้ติดตามคดีที่อย่างเร่งด่วน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า หินงอกหินย้อยภายในถ้ำเขาช้างหาย มีร่องรอยถูกตัดหลายจุด และคิดว่าถูกตัดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีทั้งรอยเก่า และรอยใหม่ หินทุกก้อนมีความสวยงาม และมีอายุยาวนานนับล้านๆ ปี จึงเป็นสิ่งล้ำค่ามาก
ส่วนสาเหตุตนยังไม่แน่ใจ อาจจะเป็นความชอบส่วนตัว หรือนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง หรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม แต่พฤติกรรมแบบนี้ยอมรับไม่ได้ ถือเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เป็นสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งในส่วนของคดีตนมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้กระทำความผิดหมดทุกคนแล้ว ซึ่งพบว่าเป็นชาว อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และอยู่ระหว่างการประสานให้เข้ามอบตัว
