ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - มรส.จับมือชาวเกาะพะลวย ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ฯ ร่วมอนุรักษ์นกเงือก หลังเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ชี้กันไว้ดีกว่าแก้ตอนมีปัญหาเกิด เตรียมปั้นรูปนกเงือก วางที่ท่าเรือเป็นสัญลักษณ์เตือนใจนักท่องเที่ยว
วันนี้ (14 ก.พ.) นายอรุณ หนูขาว หัวหน้างานบริการวิชาการพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) เปิดเผยว่า ตามที่ มรส.ได้ลงพื้นที่เกาะพะลวย ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเกาะพะลวยนั้น ต่อมา ได้พบว่า เกาะพะลวย เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงนกเงือกจำนวนมาก จึงได้พูดคุยกับชาวบ้าน และเห็นตรงกันว่า ควรดำเนินการรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์นกเงือกอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เพื่อเป็นการป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต
นายอรุณ กล่าวต่อไปว่า นกเงือกที่พบบนเกาะพะลวยเป็นนกเงือกเล็ก ชาวบ้านเรียกว่านกแก๊ก แม้จะเป็นนกเงือกที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทย แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่านกทั่วไป คือ มีความยาวประมาณ 70-90 เซนติเมตร มีขนสีดำสนิทเหลือบเขียวแซมขาว มีจะงอยปาก และโหนกสีขาวงาช้าง มีสีดำแต้มด้านหน้าของโหนก ทั้งนี้ นกเงือกเป็นตัวบ่งชี้ว่าพื้นที่นั้นๆ มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติสูง
“ขณะนี้มหาวิทยาลัยฯ และชาวเกาะพะลวย เห็นชอบร่วมกันที่จะสร้างรูปปั้นนกเงือก ความสูง 2 เมตร ด้วยวัสดุทองเหลือง เพื่อวางที่ท่าเรืออ่าวสอง สำหรับเป็นแลนด์มาร์กของเกาะพะลวย รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ของการอนุรักษ์นกเงือก เตือนใจนักท่องเที่ยว และคนในท้องถิ่นเองให้เห็นความสำคัญของนกเงือก และทรัพยากรธรรมชาติ โดยมี อาจารย์สิปปภาส พรมโชติ อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปศึกษา คณะครุศาสตร์ เป็นผู้ออกแบบ” นายอรุณ กล่าว
นายพีรพล สาระคง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเกาะพะลวย เปิดเผยว่า นกเงือกบนเกาะพะลวย อยู่ร่วมกับชาวบ้านด้วยความสงบสุข ไม่เคยพบว่ามีใครจับ หรือทำร้ายนกเงือก และนกเงือกก็ไม่ตื่นกลัวคน เนื่องจากอยู่ร่วมกันมานานหลายชั่วอายุคน แต่เนื่องจากเกาะพะลวย กำลังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาส่องกล้องชมนกเงือก จึงเห็นตรงกันกับ มรส.ว่า ควรดำเนินการอนุรักษ์นกเงือกเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วแก้ไขได้ยาก
สำหรับเกาะพะลวย เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวน 42 เกาะ ของหมู่เกาะอ่างทอง อยู่ห่างจาก อ.เกาะสมุย ประมาณ 20 กิโลเมตร มีจำนวนประชากรราว 500 คน เป็นเกาะกรีนไอซ์แลนด์ หรือเกาะพลังงานสะอาดแห่งแรก และแห่งเดียวของประเทศไทย ชาวบ้านใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ และกังหันลม ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพประมงขนาดเล็ก หารังนกนางแอ่น ทำสวนยาง สวนผลไม้ และเลี้ยงโค
