ชุมพร - สามีตายนานกว่า 10 ปี จู่ๆ ธ.ก.ส.ส่งจดหมายทวงหนี้เกือบแสน ระบุเพิ่งทำสัญญากู้เงินเมื่อปี 58 พอสอบถามแค่บอกคีย์ข้อมูลผิดพลาด แล้วขอโทษ
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (9 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางรวิสรา คงสุวรรณ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 351/18 ซอยสุขเสมอ ถนนประชาอุทิศ ตำบลท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อสอบถามกรณีที่สามีเสียชีวิตไปนานกว่า 10 ปี แต่กลับมีชื่อทำสัญญาเงินกู้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และถูกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ส่งหนังสือทวงหนี้ให้ชดใช้เกือบ 1 แสนบาทนั้น
นางรวิสรา กล่าวว่า ตนมีอาชีพขายกาแฟ อาหารตามสั่ง และขนมจีนชื่อร้าน “ส.พิมพ์ดีด” เป็นชื่อร้านดั้งเดิมตั้งแต่สามีตนยังมีชีวิตอยู่ เป็นร้านซ่อมเครื่องพิมพ์ดีดในสมัยนั้น แต่จู่ๆ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือแจ้งการชำระหนี้มาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่กรุงเทพมหานคร ส่งมาที่บ้าน โดยระบุชื่อสามีตนที่ชื่อ นายสมศักดิ์ คงสุวรรณ พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ได้ทำสัญญาเงินกู้เลขที่ 800120396531 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 กับ ธ.ก.ส.สาขาทรัพย์อนันต์ อำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ได้ผิดนัดค้างชำระเงินตั้งแต่ 301 วันขึ้นไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 68,383 บาท ทำให้ตนรู้สึกงงมาก เนื่องจากนายสมศักดิ์ สามีตนเสียชีวิตไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 ขณะนั้นสามีตนอายุ 41 ปี จนถึงปัจจุบันนานถึง 12 ปี ซึ่งได้แจ้งตายมีใบมรณบัตร และในทะเบียนบ้านก็ประทับตราว่าตายแล้วเช่นกัน
นางรวิสรา กล่าวว่า เมื่อเห็นจดหมายจาก ธ.ก.ส.มาทวงหนี้กับสามีตนที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ตนซึ่งเป็นแม่ค้าไม่มีเวลาว่างจึงได้ให้ญาตินำเอกสารดังกล่าวไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.สาขาทรัพย์อนันต์ อำเภอท่าแซะ และได้รับคำตอบกลับมาว่า เจ้าหน้าที่รันข้อมูลผิดพลาดเพราะมีชื่อซ้ำกันพร้อมกับฝากคำขอโทษมาถึงตนด้วย แต่ด้วยความสงสัย และอยากทราบข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่ ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ต้นสังกัดที่ส่งจดหมายมาทวงนี้สามีตนที่เสียชีวิตไปนานแล้ว เจ้าหน้าที่รับสายแล้วสอบถามรายละเอียดพร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้แล้วบอกว่าจะโทร.แจ้งกลับมาให้ทราบ จนถึงวันนี้ก็ไม่มีการโทร.กลับมาแต่อย่างใด กรณีที่เกิดขึ้นตนคิดว่าระบบธนาคารจะต้องมีการตรวจสอบที่ชัดเจน มีความน่าเชื่อถือ และเชื่อมันแก่ประชาชน เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาจะต้องชี้แจงให้กระจ่าง ตนจึงอยากให้ผู้บริหาร ผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และชี้แจงข้อพลาดให้ตนทราบได้ชัดเจนกว่านี้ ไม่ใช่แค่บอกว่าคีย์ข้อมูลผิดพลาด และขอโทษแล้วจบกันง่ายๆ แบบนั้น
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (9 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางรวิสรา คงสุวรรณ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 351/18 ซอยสุขเสมอ ถนนประชาอุทิศ ตำบลท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อสอบถามกรณีที่สามีเสียชีวิตไปนานกว่า 10 ปี แต่กลับมีชื่อทำสัญญาเงินกู้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และถูกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ส่งหนังสือทวงหนี้ให้ชดใช้เกือบ 1 แสนบาทนั้น
นางรวิสรา กล่าวว่า ตนมีอาชีพขายกาแฟ อาหารตามสั่ง และขนมจีนชื่อร้าน “ส.พิมพ์ดีด” เป็นชื่อร้านดั้งเดิมตั้งแต่สามีตนยังมีชีวิตอยู่ เป็นร้านซ่อมเครื่องพิมพ์ดีดในสมัยนั้น แต่จู่ๆ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือแจ้งการชำระหนี้มาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่กรุงเทพมหานคร ส่งมาที่บ้าน โดยระบุชื่อสามีตนที่ชื่อ นายสมศักดิ์ คงสุวรรณ พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ได้ทำสัญญาเงินกู้เลขที่ 800120396531 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 กับ ธ.ก.ส.สาขาทรัพย์อนันต์ อำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ได้ผิดนัดค้างชำระเงินตั้งแต่ 301 วันขึ้นไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 68,383 บาท ทำให้ตนรู้สึกงงมาก เนื่องจากนายสมศักดิ์ สามีตนเสียชีวิตไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 ขณะนั้นสามีตนอายุ 41 ปี จนถึงปัจจุบันนานถึง 12 ปี ซึ่งได้แจ้งตายมีใบมรณบัตร และในทะเบียนบ้านก็ประทับตราว่าตายแล้วเช่นกัน
นางรวิสรา กล่าวว่า เมื่อเห็นจดหมายจาก ธ.ก.ส.มาทวงหนี้กับสามีตนที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ตนซึ่งเป็นแม่ค้าไม่มีเวลาว่างจึงได้ให้ญาตินำเอกสารดังกล่าวไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.สาขาทรัพย์อนันต์ อำเภอท่าแซะ และได้รับคำตอบกลับมาว่า เจ้าหน้าที่รันข้อมูลผิดพลาดเพราะมีชื่อซ้ำกันพร้อมกับฝากคำขอโทษมาถึงตนด้วย แต่ด้วยความสงสัย และอยากทราบข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่ ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ต้นสังกัดที่ส่งจดหมายมาทวงนี้สามีตนที่เสียชีวิตไปนานแล้ว เจ้าหน้าที่รับสายแล้วสอบถามรายละเอียดพร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้แล้วบอกว่าจะโทร.แจ้งกลับมาให้ทราบ จนถึงวันนี้ก็ไม่มีการโทร.กลับมาแต่อย่างใด กรณีที่เกิดขึ้นตนคิดว่าระบบธนาคารจะต้องมีการตรวจสอบที่ชัดเจน มีความน่าเชื่อถือ และเชื่อมันแก่ประชาชน เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาจะต้องชี้แจงให้กระจ่าง ตนจึงอยากให้ผู้บริหาร ผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และชี้แจงข้อพลาดให้ตนทราบได้ชัดเจนกว่านี้ ไม่ใช่แค่บอกว่าคีย์ข้อมูลผิดพลาด และขอโทษแล้วจบกันง่ายๆ แบบนั้น