ชุมพร - ชาวบ้านระทมเจอน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน ทุเรียน มังคุด กล้วยหอมทอง ยืนต้นตายกว่า 100 ไร่ เสียหายนับ 10 ล้านบาท บางรายหมดหนทางต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ทำสระเลี้ยงปลาดุกแทน
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (6 ก.พ.) นายบุญจันทร์ รักขันโท รองนายก อบต.บ้านนา นายภาณุวัฒน์ สวัสดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ตำบลบ้านนา พร้อมผู้นำชุมชน และชาวบ้าน นำผู้สื่อข่าวลงตรวจสอบพื้นที่บ้านห้วยลึก หมู่ 12 ตำบลบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร หลังจากเมื่อต้นเดือนมกราคม 2560 ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนัก และมีน้ำท่วมถึง 3 ระลอก ในพื้นที่ จ.ชุมพร ปรากฏว่า ขณะนี้ในพื้นที่ดังกล่าวของบ้านห้วยลึก หมู่ 12 ตำบลบ้านนา ยังคงมีน้ำท่วมขังสูง 1-3 เมตร บางแห่งท่วมเสาไฟฟ้าสูงกว่าครึ่งเสา ราษฎรไม่สามารถเข้าอาศัยในบ้านได้ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตรทำสวนทุเรียน มังคุด และกล้วยหอมทอง ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ส่งออกขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 ไร่ ผลผลิตเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
นายบุญจันทร์ รักขันโท รองนายก อบต.บ้านนา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่น้ำท่วมดังกล่าวเป็นที่ดินปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. น้ำท่วมมาตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2560 รวมพื้นที่ 24 จุด กว่า 100 ไร่ จนถึงขณะนี้เดือนกว่าแล้วน้ำยังท่วมขังอยู่ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบเกือบ 20 ปี พืชผลทางการเกษตรเริ่มยืนต้นตาย สาเหตุอาจจะเกิดขึ้นจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และน้ำท่วมขังต่อเนื่องถึง 3 ครั้งในเดือนเดียวกัน ประกอบกับสภาพพื้นที่รายรอบด้วยหุบเขาซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ ทำให้ดิน และภูเขาอุ้มน้ำไว้จำนวนมา กและมีตาน้ำผุดไหลออกมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก ทำให้น้ำยังท่วมขังอยู่ต่อเนื่องยาวนาน
ขณะที่ตนได้สำรวจข้อมูล และแจ้งไปยัง นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมืองชุมพร ซึ่งได้ประสานงานไปยังศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ ได้นำรถสูบน้ำจำนวน 4 คัน มาเร่งสูบระบายน้ำในจุดพื้นที่ท่วมขังดังกล่าวแล้ว ซึ่งคาดว่าอีกหลายวันกว่าน้ำจะแห้งได้หมด เบื้องต้นได้มีฝ่ายปกครอง เกษตรอำเภอ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ออกสำรวจข้อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ชาวบ้านที่เดือดร้อนตามระเบียบของทางราชการแล้ว
ขณะที่ นางบุษบา เปี่ยมยา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1232 หมู่ 12 ตำบลบ้านนา กล่าวว่า ตนทำสวนทุเรียน และมังคุด อยู่บนที่ดิน ส.ป.ก. จำนวน 18 ไร่ ขณะนี้น้ำยังท่วมขังสูงกว่า 3 เมตร บ้านยังไม่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ ทุเรียน มังคุด ทั้งที่ปลูกใหม่ และเก่า อายุระหว่าง 15-20 ปี แต่ละปีตนจะมีรายได้จาการขายผลผลิตประมาณ 2 ล้านบาท สำหรับปีนี้ก็คงจะหมดหวังแล้ว และที่สำคัญ ต้นทุเรียน มังคุดทั้งหมดเริ่มทยอยยืนต้นตายแล้ว ตนต้องหมดเนื้อหมดตัวอย่างแน่นอน
ด้าน นางสุคนธ์ ศรีภัคดี อายุ 63 ปี นายประสาน ศรีภัคดี อายุ 70 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 237 หมู่ 12 ตำบลบ้านนา กล่าวว่า ตนทำการเกษตรมาเกือบ 20 ปี ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งปลูกกล้วยหอมทองในที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 8 ไร่ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ทุก 10 วัน ขายให้แก่พ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อ ทำให้มีรายได้เฉลี่ยไร่ละเกือบ 2 หมื่นบาท ต่อการเก็บผลิต 1 ครั้ง แต่ตอนนี้น้ำท่วมขังมานานกว่า 1 เดือน ทำให้กล้วยหอมทองยืนต้นตายเกือบหมดแล้ว ตนไม่มีอาชีพอะไร จึงได้เปลี่ยนวิกฤตจากกรณีดังกล่าวมาเป็นโอกาส โดยการใช้พื้นที่น้ำท่วมขังซึ่งเป็นแอ่งน้ำ คาดว่าน่าจะท่วมขังอีกนานหลายเดือนมาทำเป็นสระเลี้ยงปลาดุกแทน โดยเบื้องต้น ได้ไปซื้อพันธุ์มาปล่อยลงปล่อยเลี้ยงไปแล้วกว่า 1 พันตัว ซึ่งคาดว่าพอน้ำลดแห้งก็จะสามารถจับปลาดุกขายได้พอดี
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (6 ก.พ.) นายบุญจันทร์ รักขันโท รองนายก อบต.บ้านนา นายภาณุวัฒน์ สวัสดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ตำบลบ้านนา พร้อมผู้นำชุมชน และชาวบ้าน นำผู้สื่อข่าวลงตรวจสอบพื้นที่บ้านห้วยลึก หมู่ 12 ตำบลบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร หลังจากเมื่อต้นเดือนมกราคม 2560 ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนัก และมีน้ำท่วมถึง 3 ระลอก ในพื้นที่ จ.ชุมพร ปรากฏว่า ขณะนี้ในพื้นที่ดังกล่าวของบ้านห้วยลึก หมู่ 12 ตำบลบ้านนา ยังคงมีน้ำท่วมขังสูง 1-3 เมตร บางแห่งท่วมเสาไฟฟ้าสูงกว่าครึ่งเสา ราษฎรไม่สามารถเข้าอาศัยในบ้านได้ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตรทำสวนทุเรียน มังคุด และกล้วยหอมทอง ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ส่งออกขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 ไร่ ผลผลิตเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
นายบุญจันทร์ รักขันโท รองนายก อบต.บ้านนา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่น้ำท่วมดังกล่าวเป็นที่ดินปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. น้ำท่วมมาตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2560 รวมพื้นที่ 24 จุด กว่า 100 ไร่ จนถึงขณะนี้เดือนกว่าแล้วน้ำยังท่วมขังอยู่ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบเกือบ 20 ปี พืชผลทางการเกษตรเริ่มยืนต้นตาย สาเหตุอาจจะเกิดขึ้นจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และน้ำท่วมขังต่อเนื่องถึง 3 ครั้งในเดือนเดียวกัน ประกอบกับสภาพพื้นที่รายรอบด้วยหุบเขาซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ ทำให้ดิน และภูเขาอุ้มน้ำไว้จำนวนมา กและมีตาน้ำผุดไหลออกมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก ทำให้น้ำยังท่วมขังอยู่ต่อเนื่องยาวนาน
ขณะที่ตนได้สำรวจข้อมูล และแจ้งไปยัง นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมืองชุมพร ซึ่งได้ประสานงานไปยังศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ ได้นำรถสูบน้ำจำนวน 4 คัน มาเร่งสูบระบายน้ำในจุดพื้นที่ท่วมขังดังกล่าวแล้ว ซึ่งคาดว่าอีกหลายวันกว่าน้ำจะแห้งได้หมด เบื้องต้นได้มีฝ่ายปกครอง เกษตรอำเภอ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ออกสำรวจข้อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ชาวบ้านที่เดือดร้อนตามระเบียบของทางราชการแล้ว
ขณะที่ นางบุษบา เปี่ยมยา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1232 หมู่ 12 ตำบลบ้านนา กล่าวว่า ตนทำสวนทุเรียน และมังคุด อยู่บนที่ดิน ส.ป.ก. จำนวน 18 ไร่ ขณะนี้น้ำยังท่วมขังสูงกว่า 3 เมตร บ้านยังไม่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ ทุเรียน มังคุด ทั้งที่ปลูกใหม่ และเก่า อายุระหว่าง 15-20 ปี แต่ละปีตนจะมีรายได้จาการขายผลผลิตประมาณ 2 ล้านบาท สำหรับปีนี้ก็คงจะหมดหวังแล้ว และที่สำคัญ ต้นทุเรียน มังคุดทั้งหมดเริ่มทยอยยืนต้นตายแล้ว ตนต้องหมดเนื้อหมดตัวอย่างแน่นอน
ด้าน นางสุคนธ์ ศรีภัคดี อายุ 63 ปี นายประสาน ศรีภัคดี อายุ 70 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 237 หมู่ 12 ตำบลบ้านนา กล่าวว่า ตนทำการเกษตรมาเกือบ 20 ปี ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งปลูกกล้วยหอมทองในที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 8 ไร่ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ทุก 10 วัน ขายให้แก่พ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อ ทำให้มีรายได้เฉลี่ยไร่ละเกือบ 2 หมื่นบาท ต่อการเก็บผลิต 1 ครั้ง แต่ตอนนี้น้ำท่วมขังมานานกว่า 1 เดือน ทำให้กล้วยหอมทองยืนต้นตายเกือบหมดแล้ว ตนไม่มีอาชีพอะไร จึงได้เปลี่ยนวิกฤตจากกรณีดังกล่าวมาเป็นโอกาส โดยการใช้พื้นที่น้ำท่วมขังซึ่งเป็นแอ่งน้ำ คาดว่าน่าจะท่วมขังอีกนานหลายเดือนมาทำเป็นสระเลี้ยงปลาดุกแทน โดยเบื้องต้น ได้ไปซื้อพันธุ์มาปล่อยลงปล่อยเลี้ยงไปแล้วกว่า 1 พันตัว ซึ่งคาดว่าพอน้ำลดแห้งก็จะสามารถจับปลาดุกขายได้พอดี