ชุมพร - พบศพหนุ่มสาวถูกมัดมือเท้าลอยเกยหาดหลังเทศบาลนาชะอัง ชุมพร พร้อมจดหมายลาตายทิ้งในรถที่จอดตรงสะพานปลาห่างออกไป 8 กม. ญาติไม่เชื่อฆ่าตัวตาย พบพิรุธใช้เชือกมัดตามร่างกายหลายจุด ทั้งเท้า เอว ในลักษณะกอดกัน รวมทั้งที่ผ่านมา ฝ่ายชายถูกอดีตแฟนเก่าฝ่ายหญิงตามราวีขู่ฆ่ามาตลอด

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (3 ก.พ.) พ.ต.ท.วิชิต ขำคชกรรณ รอง ผกก.(ส.) สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งจาก นายทรงยศ ไทยประดิษฐ์ อายุ 52 ปี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร ว่า มีชาวประมงพบศพชายหญิงลอยเกยหาดบริเวณด้านหลังสำนักงานเทศบาลตำบลนาชะอัง จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปนินทร โชติ รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท.สมพล เชื้อทอง สว.สืบสวน ร.ต.อ.สวัสดิ์ คงแก้ว รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์จากโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพร

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชายหาดพนังตัก หมู่ที่ 4 ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร พบศพเป็นชายหญิงมัดมือมัดเท้ามัด และเอว ลักษณะหันหน้าสวมกอดกัน ฝ่ายชายสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว ส่วนศพผู้หญิงสวมเสื้อ และกางเกงยืดลายทางขาวน้ำเงิน โดยขาของทั้ง 2 คน ถูกมัดติดกันด้วยเชือกไนลอนอย่างแน่นหนา ที่เอวถูกรัดด้วยเชือกชนิดเดียวกันแล้วพันทับด้วยกระดาษเทปกาวสีน้ำตาล ส่วนข้อมือชายด้านขวาของทั้งคู่กระดาษเทปกาวชนิดเดียวกัน ทราบชื่อผู้ตายทั้งสองคือ นายวุฒิชัย เนียมมาลา หรือกร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ที่ 2 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร และ น.ส.จริญา รอดสาย หรือน้ำอายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 3 ตำบลปากน้ำ อ.หลังสวน จ.ชุมพร

จากการชันสูตรในเบื้องต้นเสียชีวิตมาแล้วกว่า 48 ชม.เจ้าหน้าที่ได้นำไปชันสูตรที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อผ่าชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากญาติของผู้ตายทั้งทั้งสองไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ตายทั้งสองจะสามารถผูกมัดพันธนาการตัวเองเพื่อกระโดดน้ำฆ่าตัวตายได้ถึงขนาดนั้น โดยเชื่อว่าทั้งสองน่าจะถูกฆาตกรรมจากอดีตแฟนเก่าฝ่ายหญิงที่ได้ขู่ฆ่าจะเอาชีวิตทั้งสองมาตลอด

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 2 ก.พ.60 ร.ต.อ.วุฒิพงษ์ ทองมาก รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวประมงบ้านสามเสียบ หมู่ที่ 5 ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน กง 6533 ชุมพร จอดอยู่บนสะพานปลาบ้านสามเสียมนาน 2 วัน เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบภายในรถ พบดึงเบรกมือไว้ และมีกระเป๋าสตางค์วางอยู่ในรถเจอบัตรประชาชน ระบุชื่อคือ นายวุฒิชัย เนียมมาลา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ที่ 2 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ส่วนบริเวณเบาะหลังพบกางเกงยีนส์ กระเป๋าหนังแบบสะพาย 2 ใบ กระเป๋าสตางค์คล้ายของผู้หญิง 1 ใบ มีดโกน กระดาษกาวสีน้ำตาล รองเท้าผ้าใบสีขาว และสิ่งของอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง

นอกจากนั้น ยังพบกระดาษเขียนข้อความลาตายของทั้ง 2 คนระบุ “ขอโทษทุกๆ คนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ อยากให้ทุกคนให้อภัยในความรักของเราสองคนที่ทำทุกอย่าง เราสองคนมีเหตุผล ขอโทษพ่อ แม่ พี่ชาย อิส พ่อแม่อิส ออมสิน ขอโทษแม่ พี่ดา พี่ก้อย พี่กุ๊ก ช่วยเก็บเราสองคนไว้ที่เดียวกัน เผาเราพร้อมกัน ทำบุญงานศพที่เดียวกัน รักทุกคน อโหสิกรรมให้ด้วย เราสองคนไม่ได้หนีปัญหา แต่ที่ทำแบบนี้เพราะอยากยอมรับความผิดที่เราสองคนได้ทำร่วมกัน” ลงชื่อท้ายจดหมายลาตายว่า น้ำ และ กร

แต่อย่างไรก็ตาม ทางญาติของฝ่ายชายยังไม่ปักใจเชื่อว่าทั้งสองจะมัดมือมัดเท้ามัดเอวกระโดดน้ำฆ่าตัวตายได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ฝ่ายชายถูกอดีตแฟนเก่าของฝ่ายหญิงตามราวี และโทรศัพท์ขู่ฆ่ามาตลอด จนมาพบทั้งคู่ตายเกยหาดห่างจากจุดบถรถเก๋งบนสะพานสามเสียมดังกล่าว ประมาณ 8 กม.ซึ่งตำรวจได้ส่งศพไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวชจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะสอบสวนหาสาเหตุการตายของทั้งคู่ต่อไปว่าเป็นการฆ่าตัวเอง หรือถูกฆาตกรรมต่อไป
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (3 ก.พ.) พ.ต.ท.วิชิต ขำคชกรรณ รอง ผกก.(ส.) สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งจาก นายทรงยศ ไทยประดิษฐ์ อายุ 52 ปี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร ว่า มีชาวประมงพบศพชายหญิงลอยเกยหาดบริเวณด้านหลังสำนักงานเทศบาลตำบลนาชะอัง จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปนินทร โชติ รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท.สมพล เชื้อทอง สว.สืบสวน ร.ต.อ.สวัสดิ์ คงแก้ว รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์จากโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพร
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชายหาดพนังตัก หมู่ที่ 4 ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร พบศพเป็นชายหญิงมัดมือมัดเท้ามัด และเอว ลักษณะหันหน้าสวมกอดกัน ฝ่ายชายสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว ส่วนศพผู้หญิงสวมเสื้อ และกางเกงยืดลายทางขาวน้ำเงิน โดยขาของทั้ง 2 คน ถูกมัดติดกันด้วยเชือกไนลอนอย่างแน่นหนา ที่เอวถูกรัดด้วยเชือกชนิดเดียวกันแล้วพันทับด้วยกระดาษเทปกาวสีน้ำตาล ส่วนข้อมือชายด้านขวาของทั้งคู่กระดาษเทปกาวชนิดเดียวกัน ทราบชื่อผู้ตายทั้งสองคือ นายวุฒิชัย เนียมมาลา หรือกร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ที่ 2 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร และ น.ส.จริญา รอดสาย หรือน้ำอายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 3 ตำบลปากน้ำ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
จากการชันสูตรในเบื้องต้นเสียชีวิตมาแล้วกว่า 48 ชม.เจ้าหน้าที่ได้นำไปชันสูตรที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อผ่าชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากญาติของผู้ตายทั้งทั้งสองไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ตายทั้งสองจะสามารถผูกมัดพันธนาการตัวเองเพื่อกระโดดน้ำฆ่าตัวตายได้ถึงขนาดนั้น โดยเชื่อว่าทั้งสองน่าจะถูกฆาตกรรมจากอดีตแฟนเก่าฝ่ายหญิงที่ได้ขู่ฆ่าจะเอาชีวิตทั้งสองมาตลอด
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 2 ก.พ.60 ร.ต.อ.วุฒิพงษ์ ทองมาก รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวประมงบ้านสามเสียบ หมู่ที่ 5 ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน กง 6533 ชุมพร จอดอยู่บนสะพานปลาบ้านสามเสียมนาน 2 วัน เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบภายในรถ พบดึงเบรกมือไว้ และมีกระเป๋าสตางค์วางอยู่ในรถเจอบัตรประชาชน ระบุชื่อคือ นายวุฒิชัย เนียมมาลา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ที่ 2 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ส่วนบริเวณเบาะหลังพบกางเกงยีนส์ กระเป๋าหนังแบบสะพาย 2 ใบ กระเป๋าสตางค์คล้ายของผู้หญิง 1 ใบ มีดโกน กระดาษกาวสีน้ำตาล รองเท้าผ้าใบสีขาว และสิ่งของอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนั้น ยังพบกระดาษเขียนข้อความลาตายของทั้ง 2 คนระบุ “ขอโทษทุกๆ คนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ อยากให้ทุกคนให้อภัยในความรักของเราสองคนที่ทำทุกอย่าง เราสองคนมีเหตุผล ขอโทษพ่อ แม่ พี่ชาย อิส พ่อแม่อิส ออมสิน ขอโทษแม่ พี่ดา พี่ก้อย พี่กุ๊ก ช่วยเก็บเราสองคนไว้ที่เดียวกัน เผาเราพร้อมกัน ทำบุญงานศพที่เดียวกัน รักทุกคน อโหสิกรรมให้ด้วย เราสองคนไม่ได้หนีปัญหา แต่ที่ทำแบบนี้เพราะอยากยอมรับความผิดที่เราสองคนได้ทำร่วมกัน” ลงชื่อท้ายจดหมายลาตายว่า น้ำ และ กร
แต่อย่างไรก็ตาม ทางญาติของฝ่ายชายยังไม่ปักใจเชื่อว่าทั้งสองจะมัดมือมัดเท้ามัดเอวกระโดดน้ำฆ่าตัวตายได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ฝ่ายชายถูกอดีตแฟนเก่าของฝ่ายหญิงตามราวี และโทรศัพท์ขู่ฆ่ามาตลอด จนมาพบทั้งคู่ตายเกยหาดห่างจากจุดบถรถเก๋งบนสะพานสามเสียมดังกล่าว ประมาณ 8 กม.ซึ่งตำรวจได้ส่งศพไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวชจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะสอบสวนหาสาเหตุการตายของทั้งคู่ต่อไปว่าเป็นการฆ่าตัวเอง หรือถูกฆาตกรรมต่อไป