ชุมพร - ทหารพาชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ใน จ.ชุมพร ร้องดีเอสไอ หลังกู้จากหลักหมื่น กลายเป็นทบต้นทบดอกยอดสูงหลายล้านบาท เผยมีนับร้อยรายตกเป็นเหยื่อ จ่ายทั้งชาติก็ไม่หมด
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (26 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.สย.1 มทบ.44 ชุมพร นำชาวบ้านชาย และหญิงรวม 8 คน พร้อมเอกสารหลักฐานสัญญาเงินกู้นอกระบบเข้าร้องทุกข์ให้สอบสวนดำเนินคดีต่อนายทุนเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ในพื้นที่ จ.ชุมพร หลังสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านจำนวนมาก โดยมี นายณัฐวุธ นิติวรวุธ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านดังกล่าว
พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.สย.1 เปิดเผยหลังนำชาวบ้านเข้าร้องเรียนต่อ ดีเอสไอ ว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ให้ดำเนินการตามคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามปัญหาแก๊งเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ จ.ชุมพร โดยเมื่อช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบจับกุมแก๊งเงินกู้นอกระบบมีอยู่ในพื้นที่กว่า 100 โต๊ะ แต่ละโต๊ะจะมีสมาชิก 10-20 คน มีการทำงานกันในรูปแบบบริษัท มีสายงานบังคับบัญชากระจายกันออกเงินกู้ในพื้นที่ จ.ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาท โดยเก็บเป็นรายวัน มีนายทุนใหญ่อยู่ในแถบจังหวัดภาคกลาง และต่อมา ดีเอสไอ ได้ลงมาขอข้อมูลหลักฐานนำไปสอบสวนขยายผลพบมีเครือขายอยู่ทั่วประเทศ และสามารถออกหมายจับนายทุนใหญ่พร้อมตามยึดทรัพย์ได้อีกจำนวนมากตามที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชนอยู่ขณะนี้
พ.ท.สะอาด เปิดเผยต่อว่า สำหรับกรณีที่ตนนำชาวบ้านมาร้องต่อดีเอสไอ ในครั้งนี้นั้น เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากได้มาร้องเรียนตน และจากการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นพบว่า มีชาวบ้านในพื้นที่นับร้อยรายได้ไปกู้เงินนอกระบบกับนายทุนใหญ่รายหนึ่งที่ทำธุรกิจบังหน้าอยู่แถวตำบลวังไผ่ อำเภอเมืองชุมพร แต่เบื้องหลังปล่อยเงินกู้นอกระบบ และธุรกิจบางอย่างฟอกเงิน โดยให้ชาวบ้านไปกู้คิดดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำเป็นสัญญาเงินกู้ เมื่อชาวบ้านไม่ได้ส่งตามกำหนด หรือส่งช้า พอนานเข้าก็ให้ไปแก้ไขทำสัญญาใหม่โดยนำดอกมหาโหดไปทบเป็นเงินต้น บางรายก็ใช้วิธีพูดจาเกลี้ยกล่อมให้เซ็นกระดาษเปล่า จากนั้นจะไปข่มขู่ชาวบ้านจากเงินที่กู้จริง 1 หมื่นบาท ก็จะเป็น 1 แสนบาท บางรายจาก 1 แสนบาท ก็เป็นกลายเป็น 5 แสนบาท ไปจนถึงกว่า 5 ล้านบาทก็มี
อีกทั้งมีการแก้ไขสัญญาในหลายรูปแบบทำให้ชาวบ้านตาสีตาสาต้องตกเป็นเหยื่อเดือดร้อนกันจำนวนมาก โดยชาวบ้านทั้งหมด 8 ราย ที่มาร้องดีเอสไอในวันนี้ ไปกู้เงินนอกระบบจากนักธุรกิจรายดังกล่าว ปรากฏว่า เมื่อเวลาผ่านไปชาวบ้านจ่ายตรงเวลาบ้างไม่ตรงบ้างก็จะมีการแก้ไขสัญญาดอกทบต้นกลายเป็นจำนวนเงินกู้นับแสนบาท บางรายกว่า 5 ล้านบาท ทั้งๆ ที่กู้จริงแค่หลักหมื่นหลักแสนเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านปลดหนี้กันทั้งชาติก็ไม่หมด ซึ่งหลังจากตนได้รับการร้องเรียนก็ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า มีการกระทำเป็นขบวนการ มีเครือข่าย มีความซับซ้อน เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล จ่ายผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่รัฐ จึงได้นำชาวบ้านทั้ง 8 ราย ซึ่งเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งแต่ความจริงยังมีอีกจำนวนมากวงเงินกู้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เข้ามาร้องต่อดีเอสไอ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และได้รับเรื่องไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (26 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.สย.1 มทบ.44 ชุมพร นำชาวบ้านชาย และหญิงรวม 8 คน พร้อมเอกสารหลักฐานสัญญาเงินกู้นอกระบบเข้าร้องทุกข์ให้สอบสวนดำเนินคดีต่อนายทุนเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ในพื้นที่ จ.ชุมพร หลังสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านจำนวนมาก โดยมี นายณัฐวุธ นิติวรวุธ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านดังกล่าว
พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.สย.1 เปิดเผยหลังนำชาวบ้านเข้าร้องเรียนต่อ ดีเอสไอ ว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ให้ดำเนินการตามคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามปัญหาแก๊งเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ จ.ชุมพร โดยเมื่อช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบจับกุมแก๊งเงินกู้นอกระบบมีอยู่ในพื้นที่กว่า 100 โต๊ะ แต่ละโต๊ะจะมีสมาชิก 10-20 คน มีการทำงานกันในรูปแบบบริษัท มีสายงานบังคับบัญชากระจายกันออกเงินกู้ในพื้นที่ จ.ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาท โดยเก็บเป็นรายวัน มีนายทุนใหญ่อยู่ในแถบจังหวัดภาคกลาง และต่อมา ดีเอสไอ ได้ลงมาขอข้อมูลหลักฐานนำไปสอบสวนขยายผลพบมีเครือขายอยู่ทั่วประเทศ และสามารถออกหมายจับนายทุนใหญ่พร้อมตามยึดทรัพย์ได้อีกจำนวนมากตามที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชนอยู่ขณะนี้
พ.ท.สะอาด เปิดเผยต่อว่า สำหรับกรณีที่ตนนำชาวบ้านมาร้องต่อดีเอสไอ ในครั้งนี้นั้น เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากได้มาร้องเรียนตน และจากการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นพบว่า มีชาวบ้านในพื้นที่นับร้อยรายได้ไปกู้เงินนอกระบบกับนายทุนใหญ่รายหนึ่งที่ทำธุรกิจบังหน้าอยู่แถวตำบลวังไผ่ อำเภอเมืองชุมพร แต่เบื้องหลังปล่อยเงินกู้นอกระบบ และธุรกิจบางอย่างฟอกเงิน โดยให้ชาวบ้านไปกู้คิดดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำเป็นสัญญาเงินกู้ เมื่อชาวบ้านไม่ได้ส่งตามกำหนด หรือส่งช้า พอนานเข้าก็ให้ไปแก้ไขทำสัญญาใหม่โดยนำดอกมหาโหดไปทบเป็นเงินต้น บางรายก็ใช้วิธีพูดจาเกลี้ยกล่อมให้เซ็นกระดาษเปล่า จากนั้นจะไปข่มขู่ชาวบ้านจากเงินที่กู้จริง 1 หมื่นบาท ก็จะเป็น 1 แสนบาท บางรายจาก 1 แสนบาท ก็เป็นกลายเป็น 5 แสนบาท ไปจนถึงกว่า 5 ล้านบาทก็มี
อีกทั้งมีการแก้ไขสัญญาในหลายรูปแบบทำให้ชาวบ้านตาสีตาสาต้องตกเป็นเหยื่อเดือดร้อนกันจำนวนมาก โดยชาวบ้านทั้งหมด 8 ราย ที่มาร้องดีเอสไอในวันนี้ ไปกู้เงินนอกระบบจากนักธุรกิจรายดังกล่าว ปรากฏว่า เมื่อเวลาผ่านไปชาวบ้านจ่ายตรงเวลาบ้างไม่ตรงบ้างก็จะมีการแก้ไขสัญญาดอกทบต้นกลายเป็นจำนวนเงินกู้นับแสนบาท บางรายกว่า 5 ล้านบาท ทั้งๆ ที่กู้จริงแค่หลักหมื่นหลักแสนเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านปลดหนี้กันทั้งชาติก็ไม่หมด ซึ่งหลังจากตนได้รับการร้องเรียนก็ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า มีการกระทำเป็นขบวนการ มีเครือข่าย มีความซับซ้อน เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล จ่ายผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่รัฐ จึงได้นำชาวบ้านทั้ง 8 ราย ซึ่งเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งแต่ความจริงยังมีอีกจำนวนมากวงเงินกู้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เข้ามาร้องต่อดีเอสไอ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และได้รับเรื่องไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว