นครศรีธรรมราช - บ่อขยะน้ำเน่าทะลักกลายเป็นมวยล้ม ไร้การแจ้งความดำเนินคดีตามการประกาศต่อหน้าชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน โดยคณะกรรมการตรวจสอบก่อนหน้านี้ ขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัด โยนความผิดสื่อเป็นผู้ขยายความขัดแย้ง
วันนี้ (26 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ต.นาทราย ต.นาเคียน อ.เมืองนครศรีธรรมราช จากน้ำเน่าเสียจากภูเขาขยะปริมาณกว่า 1.2 ล้านตัน ไหลบ่าลงสู่พื้นที่ทางการเกษตร ชุมชนอาศัย แม้ว่าผลกระทบจะเป็นวงกว้าง รวมทั้งอาการเจ็บป่วยของชาวบ้านที่ได้รับกระทบโดยเฉพาะภาวะแผลพุพอง และโรคผิวหนัง ซึ่งทั้งชาวบ้าน และผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่พยายามที่เคลื่อนไหวหาทางแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านหลายพันครัวเรือนใน 3 ตำบลมาโดยตลอด แต่กลับไม่ได้รับความใส่ใจมากนัก แม้ว่าความเดือดร้อนจะเห็นเป็นประจักษ์ก็ตาม
ซึ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ชาวบ้านมีความหวังอีกครั้ง หลังจากที่ พ.อ.ชาญวิทย์ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ได้ประกาศต่อหน้าประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนว่าจะดำเนินการคู่ขนานทั้งการแจ้งความดำเนินคดีต่อเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ในฐานะผู้รับผิดชอบบ่อขยะแห่งนี้ และให้เทศบาลเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน สร้างความพอในให้ชาวบ้านที่มาติดตามจำนวนมาก
นายดนัย เจียมวิเศษสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีน้ำเสียแพร่กระจายจากบ่อกำจัดขยะของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมคณะกรรมการ และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นพื้นที่รับผลกระทบเข้ามารับฟังผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยคณะทำงานที่เดินเท้าลงพื้นที่เมื่อ 2 วันก่อน โดยมี พ.อ.ชาญวิทย์ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม และตัวแทนราชการที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ พ.อ.ชาญวิทย์ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปในที่ประชุมว่า พบเหตุสำคัญที่น้ำเน่าเสียรั่วไหลจากกองขยะเทศบาลนครนครศรีธรรมราช คือ การรั่วไหลโดยสุดวิสัยเนื่องจากน้ำท่วมสูง และเจตนาในการทำให้รั่วไหลเนื่องจากการพบร่องรอยของการถมดินปิดทางน้ำก่อนหน้าที่คณะกรรมการจะตรวจสอบไม่นาน
ส่วน นายสมพร กาญจนโสภาค ผู้อำนวยการกองการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวยอมรับถึงการรั่วไหลของน้ำเน่าจากบ่อขยะ แต่ยืนยันว่า เป็นการไหลเนื่องจากเหตุสุดวิสัยจากภาวะน้ำท่วมสูง ชี้แจงถึงขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยได้กำหนดแผนให้แล้วเสร็จในเวลา 1 เดือน ด้วยการยกระดับคันดินให้สูงขึ้นป้องกันน้ำเน่าเสียรั่วไหล
นายดนัย เจียมวิเศษสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปสั่งเพิ่มคณะกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อีก 1 ชุด โดยมีหน้าที่ในการติดตามการแก้ไขปัญหาคันดินของเทศบาล ในระยะแรก โดยจะต้องมีการติดตามตรวจสอบการจัดทำคันดิน โดยมีคณะทำงานที่มาจากท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย ซึ่งจะต้องมาสรุปอีกครั้งหลังจาก 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการนำเสนอประเด็นความเดือดร้อนของชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง และชาวบ้านต่างติดตามว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ตามที่ประกาศไว้หรือไม่ โดยต่างหวังว่าจะมีการใช้ทั้งมาตรการทางกฎหมาย และมาตรการในการบังคับใช้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนใน ขณะที่ นายดนัย ได้กล่าวในที่ประชุมในเชิงดูแคลนผู้สื่อข่าวทำนองว่า
“เรื่องนี้เป็นการขยายความขัดแย้งโดยผู้สื่อข่าว มันอยากให้คนทะเลาะกัน ผู้สื่อข่าวมันจะเป็นแบบนี้เกือบๆ ทั้งนั้น ความขัดแย้งของท่านคือหน้าที่ของเราผู้สื่อข่าว มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ จะไม่มีอะไรเทศบาลสบายใจได้ ไม่มีการจะไปอะไร เพียงแต่ว่าเราขอให้เราเดินกันไป และขอให้ทางเทศบาล ทาง อบต.ไปศึกษาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด”
ภายหลังจากการประชุมแล้วเสร็จ ปรากฏว่า เมื่อผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่นที่รอฟังข่าวทราบข้อมูลในการประชุมต่างแสดงความผิดหวัง และไม่เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง เนื่องจากทุกครั้งเมื่อถูกนำปัญหาเสนอผ่านสื่อจะมีการเรียกประชุม และเมื่อเรื่องเงียบหายไปทุกอย่างก็เงียบตาม และเมื่อเป็นข่าวขึ้นมาใหม่จะมีการประชุมเช่นนี้อีกครั้ง วนเวียนอยู่แบบนี้มาโดยตลอด ถ้าไม่มีสื่อก็ไม่มีใครรู้ว่าเราเดือดร้อนกันมากแค่ไหน