สุราษฎร์ธานี - นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและให้กำลังใจผู้ประสบภัย เผยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยประชาชน ให้รัฐบาลเร่งดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่
วันนี้ (26 ม.ค.60) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคดณเดินทางลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้กำลังใจผู้ประสบภัยใน จ.สุราษฎร์ธานี และตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ และ มอบนโยบายให้หน่วยราชการในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการต้อนรับของประชาชนในพื้นที่หลายพันคน
โดยนายอวยชัย อินทร์นาค ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม 2560 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้พื้นที่เสี่ยงภัยในจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับผลกระทบ จำนวน 18 อำเภอ 119 ตำบล 911 หมู่บ้าน 33 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 79,365 ครัวเรือน 232,061 คน มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปเริ่มคลี่คลายในหลายพื้นที่ แต่ยังมีวิกฤติน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอบ้านนาเดิม และอำเภอพุนพิน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เฝ้าระวังใน 11 อำเภอ 42 ตำบล
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีความห่วงใยต่อผู้ประสบภัยภาคใต้อย่างมาก และมีรับสั่งให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเต็มที่ รวดเร็ว และยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใย และจะเร่งฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยโดยเร็ว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะมีการทบทวนแผนเผชิญสภาวะวิกฤติในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากสถานการณ์สภาพอากาศโลกมีการเปลี่ยนแปลง และทางการรวมถึงประชาชนต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือ ซึ่งจะต้องหามาตรการป้องกันในระยะยาว เช่น การก่อสร้างสถานที่เก็บกักน้ำ และการขุดลอกคูคลอง การก่อสร้างคลองใหม่เพื่อเร่งระบายน้ำ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือ เสียสละเพื่อส่วนรวมด้วย
สำหรับ จ.สุราษฎร์ธานี และเป็นหนึ่งใน 12จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง มีประชาชนได้รับผลกระทบ รวม 18 อำเภอ 119 ตำบล 911 หมู่บ้าน 33ชุมชน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 230,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 15 คน แม้ว่าสถานการณ์ส่วนใหญ่เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมขังใน 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน กว่า 1,000 ครัวเรือน โดยเฉพาะ อ.พุนพิน และ อ.บ้านนาเดิม พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสพภัยจำนวน 2,500 ชุด และมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 50,000 บาท
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะกับผู้ประสบภัยโดยบรรยากาศเป็นเอง จากนั้นได้เดินทางด้วยรถยนต์ไปเยี่ยมปลอบขวัญให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยที่บ้านหนองจอก หมู่ที่ 4 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพินโดยยกเลิกการเดินทางทางเรือเนื่องจากมีฝนตกหนัก
ขณะที่ในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางไปกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ส่วนหน้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยและมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
โดยมีรายงานว่า จ.สุราษฎร์ธานี เตรียมเสนอของบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีจะได้เสนอของบประมาณการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยแบ่งการดำเนินการในระยะเร่งด่วนระยะกลางและระยะยาว โดยระยะยาวจัดทำแก้มลิงรับมวลน้ำ ในพื้นที่ทุ่งปากขอ ตำบลท่าเรือ อำเภอบ้านนาเดิม โครงการแก้มลิง ระยะที่ 2 งบประมาณ 360 ล้านบาท และพื้นที่อำเภอไชยา พื้นที่ประมาณ 2,000 ไร่ ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท และ พื้นที่ อำเภอชัยบุรี - ส่วนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก็เป็นการขุดลอกทางน้ำรวมทั้งการแก้ไขปัญหาถนนขวางทางเดินน้ำโดยจะดำเนินการจัดเปลี่ยนท่อระบายน้ำจากท่อกลมให้เป็นท่อเหลี่ยมเพื่อเร่งระบายน้ำให้ไหลลงทะเลได้สะดวก โดยใช้เวลา 1-2 ปี