พังงา -มาตรการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินของจังหวัดพังงาเหลว หลังผู้ประกอบการเมินยังฝ่าฝืนบรรทุกเกิน เหตุค่าปรับถูกกว่าค่ายางล้อรถ 1 เส้นกว่าเท่าตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายเอกรัฐ หลีเส็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และ น.ส.หทัยรัตน์ คงชนะ ขนส่งจังหวัดพังงา ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการรถบรรทุกในพื้นที่จังหวัดพังงา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องห้ามใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุก หรือน้ำหนักเพลาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือโดยที่ยานพาหนะนั้นอาจทำให้ทางหลวงเสียหาย พร้อมทั้งตั้งทีมออกตั้งด่านชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ไปสุ่มจับรถที่บรรทุกน้ำหนักตามเส้นทางถนนทางหลวงชนบท เพื่อเป็นการป้องปราม ซึ่งล่าสุด ยังคงพบว่ามีรถบรรทุกที่คาดว่าบรรทุกน้ำนักเกินยังคงวิ่งอยู่ตามปกติ
โดยแหล่งข่าวสังกัดกระทรวงคมนาคม ในจังหวัดพังงา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเข้มงวดในมาตรการควบคุมดูแลน้ำหนักรถบรรทุกมาตรการควบคุมน้ำหนักเกิน ซึ่งที่ผ่านมา ได้ทำให้ถนนชำรุดเสียหายเร็วกว่าปกติ จนทำให้ทุกจังหวัดตื่นตัวในการจัดการปัญหาเรื่องนี้ ในส่วนของจังหวัดพังงา ยังคงมีรถบรรทุกหิน ดิน ทราย จำนวนมากที่ยังบรรทุกน้ำหนักเกินเพื่อส่งไปยังจังหวัดภูเก็ต การออกตรวจตั้งด่านชั่งเพื่อจับกุมนั้นไม่สามารถจะทำให้ผู้ประกอบการหวาดกลัวเลย เพราะที่ผ่านมา ศาลสั่งปรับรายละประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถูกกว่าราคายางล้อรถบรรทุก 1 เส้น
ที่ผ่านม ารถบางคันบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากำหนดถึง 1 เท่าตัว ทางแก้ควรจะแก้กฎหมายการบรรทุกสินค้าโดยขยายฐานความผิดให้ครอบคลุมไปถึงผู้ว่าจ้าง เจ้าของสินค้า และบริษัทผลิต ไปจนถึงผู้ขับรถบรรทุกเพราะถือว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิด การเพิ่มบทลงโทษและค่าปรับเป็นแบบอัตราก้าวหน้าตามน้ำหนักที่บรรทุกเกิน เช่น บรรทุกเกิน 500 กิโลกรัม ปรับขั้นต่ำ และบรรทุกเกิน 10 ตัน ต้องปรับขั้นสูงหรือ กระทำผิดครั้งที่ 1 ปรับ 20% ของมูลค่ารถความผิดครั้งที่ 2 ปรับ 50% ของมูลค่ารถที่ทำความผิด และครั้งที่ 3 ทำการยึดยึดพาหนะ และใบประกอบกิจการ หรือใบอนุญาตขับขี่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายเอกรัฐ หลีเส็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และ น.ส.หทัยรัตน์ คงชนะ ขนส่งจังหวัดพังงา ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการรถบรรทุกในพื้นที่จังหวัดพังงา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องห้ามใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุก หรือน้ำหนักเพลาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือโดยที่ยานพาหนะนั้นอาจทำให้ทางหลวงเสียหาย พร้อมทั้งตั้งทีมออกตั้งด่านชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ไปสุ่มจับรถที่บรรทุกน้ำหนักตามเส้นทางถนนทางหลวงชนบท เพื่อเป็นการป้องปราม ซึ่งล่าสุด ยังคงพบว่ามีรถบรรทุกที่คาดว่าบรรทุกน้ำนักเกินยังคงวิ่งอยู่ตามปกติ
โดยแหล่งข่าวสังกัดกระทรวงคมนาคม ในจังหวัดพังงา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเข้มงวดในมาตรการควบคุมดูแลน้ำหนักรถบรรทุกมาตรการควบคุมน้ำหนักเกิน ซึ่งที่ผ่านมา ได้ทำให้ถนนชำรุดเสียหายเร็วกว่าปกติ จนทำให้ทุกจังหวัดตื่นตัวในการจัดการปัญหาเรื่องนี้ ในส่วนของจังหวัดพังงา ยังคงมีรถบรรทุกหิน ดิน ทราย จำนวนมากที่ยังบรรทุกน้ำหนักเกินเพื่อส่งไปยังจังหวัดภูเก็ต การออกตรวจตั้งด่านชั่งเพื่อจับกุมนั้นไม่สามารถจะทำให้ผู้ประกอบการหวาดกลัวเลย เพราะที่ผ่านมา ศาลสั่งปรับรายละประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถูกกว่าราคายางล้อรถบรรทุก 1 เส้น
ที่ผ่านม ารถบางคันบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากำหนดถึง 1 เท่าตัว ทางแก้ควรจะแก้กฎหมายการบรรทุกสินค้าโดยขยายฐานความผิดให้ครอบคลุมไปถึงผู้ว่าจ้าง เจ้าของสินค้า และบริษัทผลิต ไปจนถึงผู้ขับรถบรรทุกเพราะถือว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิด การเพิ่มบทลงโทษและค่าปรับเป็นแบบอัตราก้าวหน้าตามน้ำหนักที่บรรทุกเกิน เช่น บรรทุกเกิน 500 กิโลกรัม ปรับขั้นต่ำ และบรรทุกเกิน 10 ตัน ต้องปรับขั้นสูงหรือ กระทำผิดครั้งที่ 1 ปรับ 20% ของมูลค่ารถความผิดครั้งที่ 2 ปรับ 50% ของมูลค่ารถที่ทำความผิด และครั้งที่ 3 ทำการยึดยึดพาหนะ และใบประกอบกิจการ หรือใบอนุญาตขับขี่