ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชุดสืบสวนยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต รวบผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้ากว่า 3,000 เม็ด ยาไอซ์ หนัก ประมาณ 700 กรัม และยาอี หรือยาเลิฟ 20 เม็ด
วันนี้ (16 ม.ค.) พ.ต.อ.อนิกษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยถึงการจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่กำลังระบาดในจังหวัดภูเก็ต ว่า เมื่อช่วงวันที่ 15 ม.ค.60 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ได้จับกุมตัว นายไชยารัตน์ หรือโก๋ บุญเส้ง กับพวก พร้อมของกลางยาเสพติดประเภทเฮโรอีน นำหนักประมาณ 1.5 กก. และของกลางอื่นๆ จำนวนหนึ่ง หลังจับกุมทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวมาสอบสวนขยาย นายไชยารัตน์ หรือโก๋ แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.00 น. ของวันที่ 12 ม.ค.60 ที่ผ่านมา ได้แบ่งยาเสพติดประเภทยาไอซ์ จำนวนมากให้แก่ นายพยุงกร หรือเจน อินทร์อักษร ซึ่งอาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดขยายผลจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้ประสานข้อมูลมาเพื่อให้ชุดสืบสวนปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สืบสวนติดตามจับกุมตัว นายพยุงกร หรือเจน ต่อไป
โดยจากการสืบสวนทราบว่า นายพยุงกร หรือเจน ได้เช่าห้องพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าเลขที่ 8 อาคารเลขที่ 11/142 ถ.ศักดิเดช 5 ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงเดินทางไปเฝ้าตรวจสอบจับกุม จนกระทั่งเวลา 06.45 น. ของวันที่ 15 ม.ค.60 นายพยุงกร หรือเจน ได้เดินลงมาจากห้องพักมาที่รถยนต์ซึ่งจอดไว้ ทางชุดจับกุมจึงเข้าแสดงตัวขอตรวจสอบตัว นายพยุงกร หรือเจน และภายในห้องพัก ปรากฎว่า พบยาไอซ์ จำนวน 8 ถุง น้ำหนักประมาณ 760 กรัม และยาบ้า 30 เม็ด จึงได้จับกุมตัวนายพยุงกร มาสอบสวนที่ห้องสืบสวนปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และให้การยอมรับว่า ยาเสพติดดังกล่าวเป็นของตนเองจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก คือ น.ส.นฤมลหรือปู พลดี อายุ 35 ปี พร้อมด้วยยาบ้า จำนวน 1,616 เม็ด และของกลางอื่นๆ จำนวนหนึ่ง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พร้อมนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม จากการสอบสวน น.ส.นฤมล หรือปู รับสารภาพว่า ยาเสพติดจำนวนดังกล่าวเป็นของ น.ส.คุณัญญา หรืออ้อ ธนาโสมนัส โดยให้ นายกรณพัฒน์ หรือหนุ่ม หรือแฝด ทิพย์ศักดิ์ เป็นคนนำไปส่งให้ที่ห้องพัก ดังนั้น ชุดจับกุมฯจึงไปตรวจสอบที่ห้องพักของนายกรณพัฒน์ และสามารถควบคุม นายกรณพัฒน์ หรือหนุ่ม หรือแฝด ทิพย์ศักดิ์ อายุ 33 ปี และ น.ส.กัลยารัตน์ เกิดขาว อายุ 21 ปี ไว้
และระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายกรณพัฒน์ เพื่อสอบสวนขยายผลปรากฏว่า ได้มีนายบอย ไม่ทราบชื่อ และนามสกุลจริง โทรศัพท์เข้ามาที่หมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของนายกรณพัฒน์ โดยแจ้งว่าของมาถึงแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของนายกรณพัฒน์ โดยละเอียด ทำให้ทราบว่า นายกรณพัฒน์ ติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจากนายบอย และนายบอย จะส่งยาเสพติดมาให้นายกรณพัฒน์ ทางพัสดุไปรษณีย์มาถึง จ.ภูเก็ต
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบที่ไปรษณีย์จังหวัดภูเก็ต พบกล่องพัสดุเลขรหัสบาร์โค้ตตรงกับที่นายบอย ส่งพัสดุมาให้ นายกรณพัฒน์ จริง จึงควบคุมตัว นายกรณพัฒน์ และ น.ส.กัลยารัตน์ ไปที่ไปรษณีย์ และร่วมกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เปิดกล่องพัสดุดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบยาบ้า จำนวน 10 ถุง รวมทั้งหมด 2,020 เม็ด และยาอี หรือยาเลิฟ จำนวน 20 เม็ด จึงได้จับกุมตัว นายกรณพัฒน์ และ น.ส.กัลยารัตน์ มาดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และยาอี หรือยาเลิฟ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (16 ม.ค.) พ.ต.อ.อนิกษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยถึงการจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่กำลังระบาดในจังหวัดภูเก็ต ว่า เมื่อช่วงวันที่ 15 ม.ค.60 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ได้จับกุมตัว นายไชยารัตน์ หรือโก๋ บุญเส้ง กับพวก พร้อมของกลางยาเสพติดประเภทเฮโรอีน นำหนักประมาณ 1.5 กก. และของกลางอื่นๆ จำนวนหนึ่ง หลังจับกุมทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวมาสอบสวนขยาย นายไชยารัตน์ หรือโก๋ แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.00 น. ของวันที่ 12 ม.ค.60 ที่ผ่านมา ได้แบ่งยาเสพติดประเภทยาไอซ์ จำนวนมากให้แก่ นายพยุงกร หรือเจน อินทร์อักษร ซึ่งอาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดขยายผลจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้ประสานข้อมูลมาเพื่อให้ชุดสืบสวนปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สืบสวนติดตามจับกุมตัว นายพยุงกร หรือเจน ต่อไป
โดยจากการสืบสวนทราบว่า นายพยุงกร หรือเจน ได้เช่าห้องพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าเลขที่ 8 อาคารเลขที่ 11/142 ถ.ศักดิเดช 5 ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงเดินทางไปเฝ้าตรวจสอบจับกุม จนกระทั่งเวลา 06.45 น. ของวันที่ 15 ม.ค.60 นายพยุงกร หรือเจน ได้เดินลงมาจากห้องพักมาที่รถยนต์ซึ่งจอดไว้ ทางชุดจับกุมจึงเข้าแสดงตัวขอตรวจสอบตัว นายพยุงกร หรือเจน และภายในห้องพัก ปรากฎว่า พบยาไอซ์ จำนวน 8 ถุง น้ำหนักประมาณ 760 กรัม และยาบ้า 30 เม็ด จึงได้จับกุมตัวนายพยุงกร มาสอบสวนที่ห้องสืบสวนปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และให้การยอมรับว่า ยาเสพติดดังกล่าวเป็นของตนเองจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก คือ น.ส.นฤมลหรือปู พลดี อายุ 35 ปี พร้อมด้วยยาบ้า จำนวน 1,616 เม็ด และของกลางอื่นๆ จำนวนหนึ่ง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พร้อมนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม จากการสอบสวน น.ส.นฤมล หรือปู รับสารภาพว่า ยาเสพติดจำนวนดังกล่าวเป็นของ น.ส.คุณัญญา หรืออ้อ ธนาโสมนัส โดยให้ นายกรณพัฒน์ หรือหนุ่ม หรือแฝด ทิพย์ศักดิ์ เป็นคนนำไปส่งให้ที่ห้องพัก ดังนั้น ชุดจับกุมฯจึงไปตรวจสอบที่ห้องพักของนายกรณพัฒน์ และสามารถควบคุม นายกรณพัฒน์ หรือหนุ่ม หรือแฝด ทิพย์ศักดิ์ อายุ 33 ปี และ น.ส.กัลยารัตน์ เกิดขาว อายุ 21 ปี ไว้
และระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายกรณพัฒน์ เพื่อสอบสวนขยายผลปรากฏว่า ได้มีนายบอย ไม่ทราบชื่อ และนามสกุลจริง โทรศัพท์เข้ามาที่หมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของนายกรณพัฒน์ โดยแจ้งว่าของมาถึงแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของนายกรณพัฒน์ โดยละเอียด ทำให้ทราบว่า นายกรณพัฒน์ ติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจากนายบอย และนายบอย จะส่งยาเสพติดมาให้นายกรณพัฒน์ ทางพัสดุไปรษณีย์มาถึง จ.ภูเก็ต
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบที่ไปรษณีย์จังหวัดภูเก็ต พบกล่องพัสดุเลขรหัสบาร์โค้ตตรงกับที่นายบอย ส่งพัสดุมาให้ นายกรณพัฒน์ จริง จึงควบคุมตัว นายกรณพัฒน์ และ น.ส.กัลยารัตน์ ไปที่ไปรษณีย์ และร่วมกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เปิดกล่องพัสดุดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบยาบ้า จำนวน 10 ถุง รวมทั้งหมด 2,020 เม็ด และยาอี หรือยาเลิฟ จำนวน 20 เม็ด จึงได้จับกุมตัว นายกรณพัฒน์ และ น.ส.กัลยารัตน์ มาดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และยาอี หรือยาเลิฟ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป