ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สำรวจเส้นทางระบายน้ำหลักจากทะเลสาบสงขลาออกสู่อ่าวไทย พบมีป่ารกทึบ และเนินสันดินตื้นเขินเชื่อมต่อเป็นแนวยาวทำให้น้ำไหลช้า ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขุดทางเดินน้ำรับมือฝนตกหนักระลอกใหม่ช่วงกลางเดือนนี้
วันนี้ (12 ม.ค.) พ.ต.อ.พยุหะ บุษบงค์ รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 และ พ.ต.อ.พหล เกตุแก้ว ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ อ.ระโนด จ.สงขลา ร่วมกันบินสำรวจร่องน้ำทะเลสาบสงขลาพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.สงขลา กับ จ.พัทลุง ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังคงมีน้ำทะเลหนุนเข้าท่วมพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาของทั้ง 2 จังหวัดอย่างหนัก และปัญหาหนึ่งคือ น้ำระบายลงสู่ทะเลอ่าวไทยไม่ทัน
ซึ่งพบว่าหนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญที่ทำให้น้ำระบายลงสู่อ่าวไทยได้ช้ามาก เนื่องจากจุดที่เป็นเส้นทางระบายน้ำสายหลักจากทะเลสาบสงขลาออกสู่อ่าวไทย และรับน้ำจาก จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ไม่สามารถระบายออกเส้นทางระบายน้ำสายหลักได้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดิมของทะเลสาบสงขลา เพราะมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ ทั้งสภาพป่ารก และเป็นเนินสันดินตื้นเขินเชื่อมต่อเป็นแนวยาว ระหว่างบ้านคูขุด อ.สทิงพระจ.สงขลา กับบ้านเกาะโคบ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ทำให้น้ำที่ท่วมขังบริเวณริมทะเลสาบสงขลาพื้นที่รอยต่อทั้ง 2 จังหวัดลดลงช้ามาก
ซึ่งหลังจากนี้จะมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการ และหาทางแก้ไข โดยเฉพาะการขุดร่องน้ำ และขุดสิ่งกีดขวางในจุดที่สามารถทำได้โดยด่วนที่สุด เพื่อให้น้ำระบายลงสู่อ่าวไทยได้เร็วยิ่งขึ้น และจำเป็นต้องรีบดำเนินการแก้ไข เนื่องจากในช่วงวันที่ 14-17 มกราคมนี้ พื้นที่ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีฝนตกหนักอีกระลอกตามที่ได้มีการแจ้งเตือน หากไม่เร่งระบายน้ำจะยิ่งทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น และท่วมหนักกว่าเดิม