นครศรีธรรมราช - กองทัพเรือเข้าติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 30 ตัวแรกที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และเร่งเดินเครื่องทันที ด้านเรือหลวงอ่างทองต้องปรับแผนใหม่ เหตุไม่สามารถเข้าเทียบท่าปากพนังได้เนื่องจากคลื่นสูง
วันนี้ (8 ม.ค.) กรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ ได้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ผลักดันน้ำจำนวน 30 เครื่อง ลงติดตั้งที่คลองชะอวด-แพรกเมือง ต.หน้าสตน อ.หัวไทร ทางระบายน้ำหลักออกสู่อ่าวไทยของอำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่ชุดแรกนั้นได้ถูกขนส่งมาโดยรถบรรทุก
ขณะที่เรือหลวงอ่างทองได้ขนอุปกรณ์เรือผลักดันน้ำอีก 20 เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์แบบพิเศษและชุดปฏิบัติการพิเศษ 28 นาย พร้อมชุดแพทย์เคลื่อนที่และชุดปฏิบัติการจิตวิทยา โดยต้องมีการปรับแผนเพราะไม่สามารถนำเรือเข้าเทียบท่าที่ อ.ปากพนังได้เนื่องจากคลื่นสูง จึงได้จอดเทียบท่าที่ จ.สงขลา โดยจะส่งขบวนรถบรรทุกไปรับจำนวนอีก 20 เครื่อง โดยจะไปขนย้ายในเย็นวันนี้เพื่อนำไปติดตั้งที่ อ.ปากพนัง ที่อยู่ห่างจากจุดคลองชะอวด-แพรกเมืองประมาณ 40 กม. เพื่อผลักดันน้ำในส่วนของอำเภอปากพนังซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากตัวจังหวัดชั้นใน
น.อ.อภิชาติ ทินนะลักษณ์ หน.ชุดปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำ กล่าวว่า โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งในการติดตั้งเรือผลักดันน้ำ สำหรับคุณสมบัติของเรือผลักดันน้ำนั้นจะสามารถผลักดันน้ำออกสู่ทะเลได้ 24 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที เรือ 30 ลำสามารถผลักดันน้ำได้ 720 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที นอกจากนั้น เรือผลักดันน้ำจะสามารถเร่งการไหลของน้ำออกสู่ทะเลได้เร็วกว่าปกติ ซึ่งกองทัพเรือได้เร่งดำเนินการเพื่อช่วยระบายน้ำให้เร็วที่สุด โดยจะดำเนินการจนกว่านครศรีธรรมราชจะเข้าสู่ภาวะปกติจึงจะถอนเรือกลับ
ขณะที่บริเวณอ่าวหัวไทร ปากน้ำชะอวด-แพรกเมือง มีเรือหลวงกระบี่จอดลอยลำอยู่บริเวณหน้าอ่าวท่ามกลางคลื่นลมรุนแรง โดยเรือประมงพยายามกลับเข้าฝั่งท่ามกลางความสูงของคลื่นอย่างน่าหวาดเสียว
