สลด! เจ้าคณะตำบลถูกไฟฟ้าช็อต เนื่องจากน้ำท่วมจนมรณภาพที่นครศรีฯ

 
นครศรีธรรมราช - สุดสลด! เจ้าคณะตำบลมรณภาพ จากไฟฟ้าช็อตเนื่องจากน้ำท่วม ชาวบ้านจมน้ำตายอีก 1 ราย ขณะที่ทางจังหวัดติดตามสถานการณ์น้ำ และเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ขณะที่ผู้อพยพน้ำท่วมทุกข์ซ้ำ หน่วยงานราชการแจกข้าวกล่องบูดเด็กป่วยระนาว
 
 
น้ำในนครศรีฯ ยังคงท่วมสูง การระบายเป็นไปอย่างล่าช้า จากภาวะน้ำทะเลหนุน และมีฝนตกหนักเป็นระยะ
 
ระดับน้ำในเขตตัวเมืองนครศรีธรรมราช ยังคงท่วมสูงโดยเฉพาะชุมชน และศูนย์ราชการทางฝั่งตะวันตกของศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช และระดับยังคงทรงตัว เนื่องจากกลางดึกวานนี้ (6 ม.ค.) ฝนได้ตกอย่างหนักอีกหลายระลอก ทำให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้า และยังมีภาวะน้ำทะเลหนุนสูง และอุปกรณ์ในการระบายน้ำของสำนักชลประทานที่ 15 ที่สนับสนุนเทศบาลนครนครศรีธรรมราช บริเวณริมคลองทั้ง 5 สาย ไม่สามารถใช้การได้จากการถูกน้ำท่วม และปริมาณน้ำที่เกินพิกัด
 

 
ตำรวจภูธรนครศรีฯ ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือชาวชะอวดต่อเนื่อง พบหลายพื้นที่ยังเข้าไม่ถึง เนื่องจากระดับน้ำสูง และไหลเชี่ยวแรง 
 
พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยกำลังพลได้ระดมเรือตำรวจน้ำ เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.ชะอวด ซึ่งระดับน้ำกำลังท่วมสูง และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง สืบเนื่องจากการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใสผ่านสปริงเวย์ปริมาณมาก และฝนยังคงตกเป็นระยะ ซึ่งต่างกังวลถึงการเข้าช่วยประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่ถูกตัดขาด และเดินทางเข้าไปยากลำบาก จากกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง และหลายพื้นที่ยังไม่สามารถติดต่อถึงกันได้
 
อย่างไรก็ตาม อีกหลายหน่วยงานได้ประสานกับ อบจ.นครศรีธรรมราช เพื่อที่จะให้นำเรือเร็ว ซึ่งสามารถปรับความแรงของเครื่องยนต์ให้เข้ากับสภาพในพื้นที่น้ำท่วมได้ ซึ่ง อบจ.นครศรีธรรมราช มีอยู่ด้วยกัน 4 ลำ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท มาใช้ในงานช่วยเหลือประชาชน แต่ อบจ.แจ้งว่า ไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากสภาพเรือไม่เหมาะต่อพื้นที่น้ำท่วม
 

 
ทหารกู้รถชาวบ้านหลังถูกน้ำซัด และตกลงไปในช่วงถนนขาด 
 
ทหารค่ายฝึกรบพิเศษสิชล เข้าทำการกู้รถของ นายนันทพล คุณสุภาพ เป็นรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สตราด้า สีขาว ทะเบียน บท 4994 สงขลา ซึ่งประสบเหตุตกคอสะพานถนนขาด บ้านควนช้างร้อง ม.2 ต.สีขด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่น้ำป่ากำลังหลาก และถูกซัดตกลงไปในร่องถนนที่ถูกน้ำกัดเซาะขาด นายนันทพล ระบุว่า ขณะเกิดเหตุนั้นพยายามที่จะขับรถออกไปซื้อยาให้ลูกวัย 9 เดือน แต่นับว่าโชคดีที่สามารถรอดชีวิตมาได้
 
ส่วนพื้นที่ใน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ที่มีสภาพความเสียหายจากน้ำป่าที่มีมวลน้ำมาก และมีความรุนแรง ทำให้พื้นที่เสียหายอย่างกว้างขวาง
 

 
ท่าอากาศยานนครศรีฯ ขยายเวลาการปิดบริการต่ออีก 2 วัน หลังระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นบนรันเวย์ ด้าน ผอ.ยังไม่ยืนยันสามารถเปิดได้ตามกำหนดใหม่หรือไม่ 
 
ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ประกาศขยายเวลาปิดบริการต่อไปอีก 2 วัน คือ วันที่ 8 และ 9 มกราคม 2560 เนื่องจากพบว่า บริเวณทางเข้าท่าอากาศยานน้ำยังคงท่วมสูง และบริเวณทางขับ ทางวิ่ง และจุดกลับตัวของอากาศยานยังมีระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น และยังส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้า โดยยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า มีความเสียหายมากน้อยแค่ไหน
 
นายสุขสวัสดิ์ สุขวรรณโณ ผอ.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนจนถึงขณะนี้ เนื่องจากต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องแบบวันต่อวัน และจะต้องนำเข้าหารือกับผู้บริหารระดับสูงตลอดเวลา ซึ่งขอให้ผู้โดยสารที่มีการจองตั๋วล่วงหน้าประสานกับสายการบินผู้ให้บริการเพื่อปรับเลื่อนการเดินทาง หรือการแก้ไขปัญหา
 
ส่วนบริเวณอาคารผู้โดยสาร และเคาน์เตอร์ของสายการบิน มีเจ้าหน้าที่เข้ามาประจำการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารของแต่ละสายการบิน ซึ่งมีทั้งการคืนเงิน การเลื่อนการเดินทาง และนัดหมายการเดินทางไปยังท่าอากาศยานใกล้เคียงกับ จ.นครศรีธรรมราช
 

 
สุดสลดเจ้าคณะตำบล มรณภาพจากไฟฟ้าช็อตเนื่องจากน้ำท่วม ชาวบ้านจมน้ำตายอีก 1 ราย ขณะที่ทางจังหวัดติดตามสถานการณ์น้ำ และเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 
 
พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และมูลนิธิใต้เต็กตึ้ง เข้าตรวจสอบในวัดธาราวดี พบว่า ในบริเวณวัดมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 50 ซม. และภายในกุฏิเจ้าอาวาส พบศพ พระครูสุขันติธารารัก หรือพ่อท่านใหม่ ปริยวงศ์กร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดธาราวดี และเจ้าคณะตำบลบางจาก มรณภาพอยู่บนพื้นกุฏิที่มีน้ำท่วมขัง 15 ซม. จากการชันสูตรพลิกศพไม่พบบาดแผลใดๆ แพทย์คาดว่าถูกไฟฟ้าช็อต เนื่องจากในกุฏิที่เกิดเหตุพบปลั๊กไฟจมน้ำอยู่
 
จากการสอบสวนทราบว่า พระครูสุขันติธารารักษ์ หรือพ่อท่านใหม่ อาศัยอยู่ในกุฏิเพียงลำพัง โดยเมื่อวานที่ผ่านมา การไฟฟ้าได้ตัดกระแสไฟฟ้า และเพิ่งปล่อยกระแสไฟฟ้าเมื่อคืนที่ผ่านมา และคาดว่าช่วงที่เจ้าอาวาสอยู่ในกุฏิได้มีการใช้ไฟฟ้า และเกิดช็อตจนเสียชีวิต ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ ทางแม่บ้านของวัดได้เดินมาเรียก เนื่องจากเห็นว่าบ่ายแล้วเจ้าอาวาสยังไม่ออกจากุฏิ โดยเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบ จึงได้บอกพระลูกวัดให้มาช่วยไขกุญแจ ก็พบว่า มรณภาพแล้ว โดยญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการมรณภาพแต่อย่างใด
 
ส่วนอีกรายที่บริเวณ ม.9 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้เกิดเหตุจมน้ำเสียชีวิต โดยมูลนิธิใต้เต็กตึ้ง ได้ออกไปนำศพผู้เสียชีวิตซึ่งจมน้ำอยู่ในถนนหมู่บ้าน ที่มีน้ำท่วมขังสูงประมาณกว่า 2 เมตร โดยผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายถวิล มาตุการักษ์ อายุ 70 ปี ซึ่งก่อนเกิดเหตุได้เดินออกมาดูบ้านหลานที่ถูกน้ำท่วม และได้เกิดจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว สำหรับ จ.นครศรีธรรมราช รวมทั้งที่ยังไม่มีการรายงานจมน้ำแล้ว จำนวน 8 ราย
 

 
ผู้อพยพน้ำท่วมทุกข์ซ้ำ หน่วยงานราชการแจกข้าวกล่องบูดเด็กป่วยระนาว 
 
สภาพบริเวณชุมชนท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งชาวบ้านในย่านนี้ได้อพยพไปพักอาศัยอยู่บนอาคารเรียนของโรงเรียนเทศบาลวัดท่าโพธิ์ หลายครอบครัว และไม่สามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้ โดยประชาชนที่อพยพมานั้นได้มีหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบสถานที่นี้แห่งหนึ่ง รับผิดชอบในการนำอาหารกล่องมาดูแลผู้อพยพที่ติดค้างอยู่บนอาคารเรียนของโรงเรียน แต่ปรากฏว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้นำอาหารกล่องมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่บนอาคารเรียน
 
นางปาน นาคแก้ว ชาวชุมชนท่าโพธิ์ ระบุว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่งได้นำอาหารกล่องมาแจก ปรากฏว่า เด็กๆ หลายคนที่รับประทานอาหารนี้มีอาการป่วยปวดท้อง อาเจียน และท้องร่วงอย่างรุนแรง เมื่อไปดูพบว่าอาหารที่นำมาแจกจ่ายบูดเสียแล้ว ทำให้เสียใจมาก จึงต้องถามว่าถ้าเป็นครอบครัวของเขานั้นจะกินหรือไม่ มีผู้เกี่ยวข้องบางคนมาบอกว่า อาหารกล่องนี้เป็นของที่เหลือจากการแจกจ่ายตั้งแต่วานนี้ และนำมาแจกจ่ายในวันนี้ซ้ำอีก
 

 
สวนสัตว์ทุ่งท่าลาดนครศรีฯ จมมิดใต้บาดาล จนท.เร่งกู้ชีวิตสัตว์ จระเข้หลุดอีกหลายตัว เตือนประชาชาชนรอบพื้นที่ระวังตัว มีจระเข้ใหญ่สุดยาวถึง 5 เมตร 
 
ที่ จ.นครศรีธรรมราช สถานการณ์น้ำท่วมยังอยู่ในสภาพวิกฤตอย่างหนัก ไม่เฉพาะประชาชาชนเท่านั้นที่กำลังเดือดร้อน สัตว์จำนวนมาก และหลายชนิดในสวนสัตว์ทุ่งท่าลาด ภายในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 หรือทุ่งท่าลาด ซึ่งอยู่ในความดูแลของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช กำลังเดือดร้อนอย่างหนักเช่นเดียวกัน โดยล่าสุดนั้นยังไม่ทราบชะตากรรม เนื่องจากเจ้าหน้าที่พยายามเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ โดยเร่งประสานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเพื่อตัดไฟฟ้าทั้งหมดภายในสวนสาธารณะแห่งนี้แล้ว เพื่อความปลอดภัย
 
ส่วนภาพมุมสูงนั้นแสดงให้เห็นพื้นที่ของสวนสัตว์เต็มไปด้วยน้ำที่เข้าท่วมสูง จนถึงหลังคาคอกสัตว์ และขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังควบคุมการบันทึกภาพทางอากาศ ปรากฏว่า ได้มีจระเข้ว่ายน้ำเข้ามาใกล้จนสามารถเห็นตัวได้อย่างชัดเจน ขณะที่ นายมนัส พงศ์ยี่หล้า รองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ได้นำเจ้าหน้าที่สวนสัตว์พยายามให้การช่วยเหลือ และทราบถึงกรณีจระเข้หลุดออกมาแล้ว และพยายามควบคุมพื้นที่เพื่อไม่ให้ออกนอกบริเวณทุ่งท่าลาด ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมสูง
 
ส่วนเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่รอบพื้นที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ซึ่งมีระดับน้ำที่ท่วมสูงเช่นเดียวกัน ให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากเกรงว่าอาจมีจระเข้ที่หลุดพ้นพื้นที่ออกมาได้ และอาจเกิดอันตรายต่อประชาชน โดยในส่วนของพื้นที่เลี้ยงจระเข้นั้นมีมากกว่า 10 ตัว โดยตัวใหญ่สุดมีความยาวกว่า 5 เมตร ส่วนสัตว์อื่นที่หายาก เช่น นกเงือก กวาง ลิง ชะนี และนกกระจอกเทศ เป็นต้น
 

 
เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ยังไม่กล้ายืนยันชัดเจนจระเข้อยู่ครบจำนวน อ้างกบดานอยู่ใต้น้ำ ขณะที่ชาวบ้านรอบสวนสัตว์เพิ่มความระวังตัวเป็นพิเศษ 
 
กรณีน้ำบ่าเข้าท่วมสวนสัตว์ทุ่งท่าลาด อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ความคืบหน้าเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งนำเรือมาเพื่อเข้าดูแลสัตว์ที่อยู่ภายในสวนสัตว์ ท่ามกลางระดับน้ำที่ท่วมสูง ขณะที่ นายมนัส พงศ์ยี่หล้า รองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ได้เข้าตรวจสอบจำนวนของสัตว์ โดยยืนยันว่า ในส่วนของลิงนั้นยังปลอดภัย เนื่องจากในหลังคามีช่องที่เข้าไปหลบได้ ส่วนกวางนั้นได้ถูกปล่อยออกจากคอก และไปหลบอยู่บนเนินสูงภายในสวนสัตว์
 
ส่วนกรณีจระเข้นั้น นายมนัส ระบุว่า ภายในสวนสัตว์มีจระเข้เพียง 4 ตัว โดยตัวใหญ่สุดนั้นมีความยาว 5 เมตร และเมื่อสอบถามว่ายังอยู่ครบหรือไม่ นายมนัส กลับบอกว่า ด้วยระดับน้ำที่สูงจระเข้จะกบดานอยู่ใต้น้ำ และไปหายใจใต้น้ำ เบื้องต้นนั้นยังอยู่ครบ ส่วนที่พบเห็นนั้นอาจเป็นจระเข้จากที่อื่น
 
ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่รายรอบสวนสาธารณะแห่งนี้ซึ่งอพยพมาอยู่บนถนนระบุว่า ทราบข่าวจระเข้หลุดออกมาแล้วเช่นกัน ได้เพียงแต่เพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะสถานการณ์น้ำเช่นนี้ไม่สามารถโทษใครได้
 

 
แม่ทัพภาคที่ 4 นำอาหารขึ้นเฮลิคอปเตอร์หย่อนให้ประชาชนกลางน้ำท่วมสูง 
 
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 นำอากาศยานบรรทุกอาหารพร้อมรับประทานบินเข้าไปในพื้นที่ จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช โดยในภาพขณะที่ได้หย่อนอาหารในพื้นที่บ้านไร่ ต.ท่าประจะ อ.ชะอวด โดยมีทหารภาคพื้นดินนำเรือเร็วเข้าไปยังพื้นที่ห่างไกล และรอรับการหย่อนอาหารจากอากาศยานลงบนเรือ และนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน หลังจากที่หลายครอบครัวขาดอาหาร และน้ำดื่มมากว่า 3 วันแล้ว เนื่องจากถนนถูกน้ำท่วมสูง ทางถูกตัดขาด ทำให้ไม่สามารถเดินทางออกไปไหนได้ บางหลังถึงขั้นระดับน้ำมิดหลังคาบ้าน
 
นอกจากนี้ กองทัพภาคที่ 4 ยังเปิดรับบริจาคสิ่งของ อาหารแห้ง เพื่อนำไปส่งให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ หากมีผู้สนใจบริจาคสามารถที่จะบริจาคมาได้ที่ สโมสรมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งจะเปิดรับไปจนกว่าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จะคลี่คลาย