xs
xsm
sm
md
lg

หลายพื้นที่น้ำลดแล้ว ชาวบ้านเร่งทำความสะอาด ธารน้ำใจหลั่งไหลไม่ขาดสาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนหลายจุดเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ชาวบ้านเริ่มทำความสะอาดบ้านเรือน แต่อีกหลายพื้นที่น้ำยังท่วม โดยเฉพาะพื้นที่รับน้ำ ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเร่งระดมสิ่งของให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย

สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ภาคใต้ตอนบน โดยที่จังหวัดชุมพร เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (7 ม.ค.) นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ลงตรวจสอบความเสียหายพื้นที่น้ำท่วมและนำข้าวกล่องไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน ที่ตลาดเทศบาลเมืองหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร หลังจากระดับน้ำได้ลดลงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จนวันนี้เกือบเข้าสู่สภาวะปกติ ประชาชนเริ่มทำความสะอาดร้านค้า และบ้านเรือน และพบว่า ที่สะพานอวยชัย 2 และคอสะพานบ้านด่าน สะพานเข้าหมู่บ้านทั้ง 2 แห่งขาด รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ส่วนของถนนสายเอเชีย 41 ระดับน้ำลดลงมีท่วมขังอยู่บ้างตามไหล่ทาง รถทุกชนิดสามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ

ขณะเดียวกัน นายฝันดี ฝันเด่น ดารานักร้องชื่อดังได้ลงพื้นที่ติดตามให้ความช่วยเหลือ ครูโรงเรียนชุมชนวัดขันเงิน 13 คน ที่ติดอยู่ที่บ้านพักครูตั้งแต่เมื่อวานนี้ เนื่องจากน้ำป่าเชี่ยวกรากไหลหลากเข้าท่วมระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร โดยล่าสุด เช้าวันนี้ระดับน้ำลดลงเหลือเพียง 50-60 เซนติเมตร สามารถเดินเข้าออกได้แล้ว และทุกคนปลอดภัยดี และยังได้นำสิ่งของไปแจกจ่ายชาวบ้านเดือดร้อน และสัตว์เลี้ยงตามย่านชุมชนต่างๆ อีกหลายแห่ง

ทั้งนี้ มีรายงานว่า มวลน้ำจากด้านบน และจากอำเภอหลังสวน ได้ไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทยด้านพื้นที่ตำบลพ้อแดง ตำบลบางมะพร้าว ตำบลนาพญา ตำบลบางน้ำจืด และตำบลปากน้ำหลังสวน ทำให้มีมวลน้ำไหลหลากลงไปสมทบกันจำนวนมาก ทำให้น้ำท่วมสูง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพชาวบ้านออกจากจุดเสี่ยงอยู่ขณะนี้

ที่กระบี่ จากภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ส่งผลให้น้ำในคลองสินปุน และคลองลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ เป็นคลองรับน้ำมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เอ่อล้นเข้าท่วมหลายพื้นที่ในอำเภอลำทับ และอำเภอคลองท่อม จ.กระบี่ โดยที่บริเวณสะพานคลองบางบอน ม.2 ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม ซึ่งรับน้ำมาจากคลองสินปุน ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมสะพาน ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร รถเล็กวิ่งผ่านด้วยความลำบาก

ชาวบ้าน ม.4 และ ม.9 ต.พรุดินนา รวมกว่า 300 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นที่มีระยะทางไกลกว่าหลายกิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ม.1 ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม อีกจำนวนกว่า 10 หลัง ขณะที่ทาง อบต.พรุดินนา กำนันผู้ใหญ่บ้านได้เข้าสำรวจพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือแล้ว

ขณะเดียวกัน น้ำจากคลองลำทับ ที่รับน้ำมาจากเขตรอยต่อจังหวัดตรัง ได้ล้นทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ ต.ลำทับจำนวนหลายร้อยไร่ และท่วมบ้านเรือนประชาชนแล้ว 1 หลัง ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง โดย น.ส.ลิรพันธ์ จันทร์แจ่มศรี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม.2 ต.ลำทับ อ.ลำทับ กล่าวว่า ที่บ้านของตนไม่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อนในรอบ 20 ปี แต่มาปีนี้ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถขนย้ายได้ทัน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก หากฝนไม่หยุดคาดว่าจะท่วมอีกหลายหลัง

ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี น้ำท่วมดินโคลนถล่มในพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.เจ้าหน้าที่สามารถเปิดเส้นทางที่ดินโคลนถล่มลงปิดเส้นทาเข้าออกหมู่บ้านให้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ นำเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมน้ำดื่มเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 134 ครัวเรือน ที่บ้านกงตอ หมู่ 9 ต.คลองสระ ได้แล้ว ส่วนรถยนต์ขับเคลื่อนปกติจะสามารถวิ่งได้ในวันพรุ่งนี้

ด้าน นายสราวุทธ ศิรินทรารัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดคงคาล้อม หมู่ที่ 1 ตำบลคลองสระ ได้กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำป่าที่เกิดขึ้นทำให้โรงเรียนได้รับความเสียหายหนัก ทั้งประตูรั้วโรงเรียน อาคารเรียน จำนวน 3 หลัง ห้องสมุด ห้องพักครู สื่อการเรียนการสอนทุกชนิดเสียหายทั้งหมด นอกจากนั้น ภายในอาคารทุกหลังจะมีดินโคลนที่มากับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งในเบื้องต้น ได้ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากภาครัฐ และเอกชนช่วยนำรถน้ำมาฉีดล้างดินโคลนออกจากตัวอาคารก่อนที่ดินจะแห้งจนไม่สามารถล้างออกได้ ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำประปาไม่ไหล เนื่องจากประปาหมู่บ้านพังเสียหาย พร้อมวอนขอจากผู้มีจิตศรัทธาช่วยกันฟื้นฟู สื่อการเรียนการสอน เพื่อจะได้ไม่กระทบต่อเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่มีตั้งแต่ชั้น อนุบาล ป.1-ป.6 จำนวน 86 คน

ส่วนชาวบ้านที่ประสบภัยในพื้นที่ต้องช่วยเหลือตัวเองในการฟื้นฟูบ้านเรือนที่ถูกดินโคลนทับถมภายในบ้านอย่างทุกลักทุเล เนื่องจากไม่มีน้ำสะอาดฉีดล้างทำความสะอาด โดยไม่มีหน่วยงานใดเข้าช่วยเหลือ

ส่วนที่จังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบปริมาณน้ำ และความเสี่ยงน้ำตกสระนางมโนราห์ ยืนยันสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ โดยเจ้าหน้าที่วนอุทยานสระนางมโนราห์ ต.นบปริง อ.เมือง จ.พังงา เข้าตรวจสอบปริมาณ และสีของน้ำบริเวณน้ำตกสระนางมโนราห์ พบว่าปริมาณน้ำ และสีของน้ำยังคงเป็นปกติ ทำให้ทางวนอุทยานสระนางมโนราห์ ยังไม่ประกาศปิดแต่อย่างใด ซึ่งน้ำตกสระนางมโนราห์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อน และสถานที่เล่นน้ำของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติในช่วงวันหยุดกันมาก ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่ต่ำกว่า 200-1,000 คน เข้าเล่นน้ำ พักผ่อน และชมธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงปริมาณฝนตกหนักทางภาคใต้ทำให้น้ำท่วมเข้าสู่ขั้นวิกฤตในหลายจังหวัด การเล่นน้ำตกจึงเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว ส่วนน้ำตกสระนางมโนราห์ มีเจ้าหน้าที่ชำนาญซึ่งตรวจสอบปริมาณน้ำ และจุดเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา โดยทางเจ้าหน้าที่ยังมั่นใจว่า น้ำตกสระนางมโนราห์ สามารถเที่ยวได้อยู่ในขณะนี้ หากเห็นว่าไม่มีความปลอดภัย ทางวนอุทยานสระนางมโนราห์ จะประกาศปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นน้ำโดยเด็ดขาด

ที่ศาลาวัดน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นายมนัสศักดิ์ ยวนแก้ว ผู้ใหญ่บ้านน้ำเค็ม ม.2 พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ จำรัสฉาย ส.อบต.บ้านน้ำเค็ม และชาวบ้านที่เคยประสบภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี พ.ศ.2547 ได้ร่วมใจกันแพกข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม เสื้อผ้า ที่ชาวบ้านนำมามอบให้ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยจะเดินทางไปมอบให้ในวันพรุ่งนี้ พร้อมนำเรือท้องแบนไปช่วยเหลือประชาชนที่ยังมีบ้านถูกน้ำท่วมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

นายมนัสศักดิ์ ยวนแก้ว ผู้ใหญ่บ้านน้ำเค็ม ม.2 กล่าวว่า ครั้งหนึ่งหมู่บ้านน้ำเค็มเคยประสบภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.47 ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหมด และมีพี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้ส่งสิ่งของมาช่วยเหลือชาวบ้านน้ำเค็ม จนสามารถฟื้นตัวมาได้ หลังจากที่เพื่อนบ้านในจังหวัดใกล้เคียงประสบปัญหาน้ำท่วม จึงได้มีประชาชนที่ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิจำนวนมากหลั่งไหลกันนำข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่มแพกใส่ถุงกว่า 500 ชุด ไปช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น