xs
xsm
sm
md
lg

9 สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ / ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบ
 
ดร.ไชยณรงค์  เศรษฐเชื้อ 
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
------------------------------------------------------------------------------------------------
 
 
คู่มือง่ายๆ สำหรับคนทั่วไปในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม (ในช่วงเกิดภัยพิบัติ)
 
1.การช่วยเหลืออาหารสด คนส่วนใหญ่จะบริจาคข้าวกล่องโดยเฉพาะข้าวผัด ขอแนะนำว่าควรงดข้าวกล่อง หรือที่บรรจุถุงเนื่องจากอาหารบูดง่าย บางครั้งกว่าจะถึงมือผู้รับก็ใช้เวลานาน ข้าวกล่อง/ถุง ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ และต้องมั่นใจว่าจะถึงมือผู้เดือดร้อนก่อนอาหารจะบูด
 
อาหารสดที่เหมาะสำหรับผู้ได้รับผลกระทบควรเก็บไว้ได้ 1-2 วัน เช่น ข้าวหลาม ขนมข้าวเหนียวข้าวเหนียวสุก หมูทอด เนื้อทอด ปลาทอด ฯลฯ
 
การรวมกลุ่มไปทำอาหารสดเพื่อแจกผู้ได้รับผลกระทบ ควรทำสำหรับพื้นที่ที่เข้าถึงง่าย และไม่ควรเป็นข้าวผัด เพราะคนส่วนใหญ่มักจะทำข้าวผัด ทำให้ผู้ประสบภัยต้องกินข้าวผัดทุกมื้อ ดังนั้น ควรเป็นอาหารอย่างอื่นบ้าง (ครีเอตเอาเองครับ)
 
2.การช่วยเหลืออาหารแห้ง คนส่วนใหญ่จะบริจาคบะหมี่สำเร็จรูป หรือโจ๊กคัพ ในความเป็นจริง อาหารเหล่านี้อาจจะเป็นที่ชื่นชอบของคนในเมือง/วัยรุ่น แต่สำหรับคนในชนบทแล้ว อาหารเหล่านี้ไม่ได้เป็นที่ต้องการ ประสบการณ์ที่พบก็คือ บางพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมต้องส่งอาหารแห้งเหล่านี้คืน อาหารแห้งที่ควรบริจาคคือ ข้าวสาร และเครื่องเทศต่างๆ สำหรับปรุงอาหาร เช่น พริกแห้ง หอม กระเทียม มะนาว ผักสดที่เก็บได้หลายวัน เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ฯลฯ รวมทั้งน้ำดื่มสะอาด เครื่องดื่ม และขนมแห้งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
 
3.คำแนะนำข้อ 1 และ 2 เป็นข้อแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น ทางที่ดีผู้ที่รับบริจาคและนำไปช่วยเหลือควรสอบถามทางปลายทางคือ ผู้ได้รับผลกระทบก่อนว่าต้องการช่วยเหลือที่จำเป็นอะไรบ้าง โดยสอบถามอย่างละเอียด และประกาศรับบริจาคบนความต้องการ และตามความจำเป็น การบริจาคก็จะตรงต่อความต้องการ และจะไม่สูญเปล่า
 
4.ในการบริจาคอาหารทั้งสดและแห้งตามข้อ 1 และ 2 สิ่งที่คนส่วนใหญ่ รวมทั้งศูนย์ที่นำอาหารไปช่วยเหลือไม่ค่อยคำนึงถึงคือ อาหารที่ถูกต้องตามหลักศาสนาของคนในชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ชุมชนมุสลิม ต้องเป็นอาหารฮาลาล เป็นต้น ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็คือ มีการนำบะหมี่สำเร็จรูปประเภทต้มยำหมู หรือเนื้อไปให้ชุมชนมุสลิม ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือคนในชุมชนได้
 
5.การบริจาคอาหารโดยเฉพาะอาหารแห้ง คนทั่วไปส่วนใหญ่นำไปบริจาคที่ศูนย์รับบริจาคตามแต่จะสะดวก สิ่งที่ควรทำก็คือ ควรบริจาคให้แก่ศูนย์รับบริจาคที่สามารถส่งถึงผู้รับบริจาคได้จริงๆ ประสบการณ์ที่ผ่านมา เช่น น้ำท่วมภาคกลางในปี 2554 มีสิ่งของบริจาคจำนวนมากตกค้างที่อาคารของสนามบินดอนเมือง และความจริงก็ถูกเปิดเผยเมื่อน้ำไหลบ่าเข้าท่วมของบริจาคเหล่านั้น
 
6.การบริจาคเงินก็เช่นเดียวกัน คนส่วนใหญ่ที่บริจาคเงิน มักไม่คิดว่าเงินถึงมือ หรือเอาไปช่วยเหลือผู้เดือดร้อนหรือไม่ ดังนั้น การบริจาคเงินควรมั่นใจว่าเงินที่บริจาคได้นำไปใช้เพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจริงๆ
 
7.เมื่อเกิดภัยพิบัติน้ำท่วม สิ่งที่ตามมาก็คือ ศูนย์รับบริจาคจำนวนมากตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการระดมความช่วยเหลือจากสาธารณะ และคนจำนวนไม่น้อยก็จะบริจาคเสื้อผ้ามือสอง หรืออาจจะเป็นตุ๊กตามือสอง และศูนย์รับบริจาคก็มักจะรับไว้ ความจริงแล้ว เสื้อผ้า หรือตุ๊กตามือสองที่ท่านบริจาคอาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ และประสบการณ์ที่ผ่านมาก็คือ เสื้อผ้ามือสองที่ได้รับบริจาคมา ศูนย์ก็ไม่รู้ว่าะจัดการอย่างไร
 
ดังนั้น ศูนย์ควรระบุสิ่งของที่รับบริจาคให้ชัดเจนโดยตรวจสอบจากชุมชนก่อน หากพบว่าเสื้อผ้ามีความจำเป็นสำหรับผู้ประสบภัยพิบัติก็ประกาศรับ และคนที่บริจาคเสื้อผ้ามือสอง ขอให้เป็นเสื้อผ้าที่ไม่เก่าเกินไป และต้องซักให้สะอาดก่อนนำไปบริจาค
 
8.ในกรณีที่ต้องการเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ บางคนที่มีจิตใจอยากช่วยเหลือ และมีความสามารถที่จะไปได้ มักจะไม่คิด หรือวางแผนอะไร ทางที่ถูกต้องก็คือ ควรที่จะประสานกับองค์กรที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ และควรเป็นอาสาสมัครภายใต้องค์กรนั้น ซึ่งจะมีการประสานงานกับพื้นที่ และองค์กรอื่นๆ ที่เป็นระบบกว่า มิฉะนั้น การเข้าไปช่วยเหลืออาจทำให้เกิดความยุ่งยาก หรือเป็นภาระ หรือทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น เมื่อเกิดน้ำท่วมภาคกลางในปี 2554 ได้มีผู้ใจดีนำเจ็ตสกีไปวิ่งแถวหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วมหวังว่าจะช่วยผู้ที่เดือดร้อน แต่การนำเจ็ตสกีไปวิ่งโดยไม่มีความจำเป็นกลับทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เนื่องจากทำให้เกิดคลื่นใหญ่เข้าซัดบ้านของชาวบ้าน อย่าลืมนะครับว่าในภาวะที่น้ำท่วม น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเพียงไม่กี่เซนติเมตร ก็สร้างความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีกมาก
 
9.ข้อสุดท้ายเป็นคำแนะนำสำหรับศูนย์รับบริจาค เมื่อรับบริจาคแล้ว ศูนย์ส่วนหนึ่งจะนำไปบริจาคโดยตรงถึงผู้ได้รับผลกระทบ แต่อีกจำนวนหนึ่งศูนย์นำไปมอบให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งจะกระจายสิ่งของไปยังเครือญาติ/เครือข่ายของตนเองเป็นหลัก หรือบางกรณีจะเลือกของบริจาคที่มีคุณภาพไว้แจกเฉพาะเครือญาติ/คนในเครือข่าย ส่วนของคุณภาพต่ำจะนำไปบริจาคให้คนอื่นๆ
 
หากเป็นไปได้ ศูนย์ควรกระจายของบรรเทาทุกข์ด้วยตนเอง และกระจายไปยังกลุ่มคนที่เดือดร้อนที่สุดเป็นอันดับแรกก่อน และที่เหลือค่อยกระจายไปยังคนที่เดือดร้อนน้อย อีกทั้งไม่ควรกระจุกที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ข้อเสนอแนะทั้ง 9 ประการ มาจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนลงพื้นที่หลังเกิดภัยพิบัติสึนามิที่ภาคใต้ในปี 2548 และการลงพื้นที่ และเข้าไปเยี่ยมพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมที่ จ.ลพบุรี เมื่อปี 2554
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น