ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “เมืองคอน” เจอน้ำท่วมวิกฤตจนถึงขั้นขีดสุด สถานการณ์เลวร้ายสุดในรอบ 50 ปี ท่าอากาศยานยุติให้บริการชั่วคราว หลังน้ำหลากเข้าท่วมรันเวย์ ทหารเร่งเข้าพื้นที่ช่วยอพยพราษฎรไปยังที่ปลอดภัย ด้านผู้ว่าฯ ขอขยายวงงบฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ประสบภัย 100 ล้านบาท ขณะที่ หน.อุทยานเขาหลวง แจ้งเตือนเฝ้าระวังดินถล่มในพื้นที่ริมเชิงเขา
นครศรีธรรมราชวิกฤตขั้นขีดสุด
วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในวันนี้ได้เข้าสู่ภาวะวิกฤตสุดขีด โดยน้ำได้ท่วมแล้ว 17 อำเภอ 98 ตำบล 621 หมู่บ้าน ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 7 หมื่นคน และล่าสุด ในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช และ อ.เมือง ได้มีน้ำไหลทะลักเข้าท่วมเกือบทั้งเขต โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจการค้า บนถนนสายหลักแทบทุกสายไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เนื่องจากมีระดับน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลมหาราช ระดับน้ำสูงเกือบ 1 เมตร จึงได้มีการเฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ การสัญจรต้องใช้รถยกสูง และเรือเท่านั้น ขณะที่ผู้สื่อข่าวไม่สามารถเดินทางเข้าไปยังตัวเมืองชั้นในได้
โดยปัญหาใหญ่ในขณะนี้ มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบไม่สามารถอพยพออกจากบ้านมายังที่ปลอดภัยได้จำนวนมาก ทั้งในพื้นที่ อ.ชะอวด อ.เชียรใหญ่ และเขต อ.เมือง การช่วยเหลือไม่สามารถทำได้ทั่วถึง เนื่องจากจำนวนเรือท้องแบนมีไม่เพียงพอ และเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ได้เกิดเหตุการณ์หญิงชราวัย 79 ปี จมน้ำเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านของตัวเอง ที่บริเวณชุมชนท่าโพธิ์ เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช โดยพบว่า หญิงชราคนดังกล่าวอยู่บ้านเพียงลำพัง และไม่สามารถช่วยตัวเองได้ในการอพยพออกมายังที่ปลอดภัย
ขณะที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ยังสามารถบริหารจัดการผู้ป่วยได้ แต่อีกปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือ ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางเข้ามายังโรงพยาบาลได้ ขณะที่ นพ.บัญชา ค้าขาย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งอพยพผู้ป่วยจากโรงพยาบาลชะอวด ไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมสูง
น้ำท่วมนครศรีฯ สถานการณ์วิกฤตหนักสุดในรอบ 50 ปี จมทั้งเมือง ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช หยุดให้บริการแล้ว หลังน้ำหลากเข้าท่วมรันเวย์
เขตรอบนอกของ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ยังคงเต็มไปด้วยน้ำหลากเข้าท่วมในเขตตัวเมืองนครศรีฯ อย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ระดับน้ำในตัวเมืองยังคงเพิ่มขึ้น การเข้าถึงตัวเมืองเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ระดับน้ำท่วมเต็มพื้นที่หลายจุด บ้านเรือนของประชาชนอยู่ในสภาพมิดหลังคา เช่น ชุมชนบ่อทรัพย์ ชุมชนบางงัน ชุมชนท่าโพธิ์ การช่วยเหลือเป็นอย่างอยากลำบาก เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมสูง เช่นเดียวกับอีกหลายอำเภอ เช่น ที่ อ.นบพิตำ ยังไม่สามารถเข้าให้การช่วยเหลือได้ ทั้งทางบก และทางอากาศ เนื่องจากเส้นทางขาด และสภาพอากาศเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่สามารถขึ้นบินได้ โดยสถานการณ์ขณะนี้อาจร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ได้ยุติการให้บริการแล้ว คือ ในวันนี้ และวันพรุ่งนี้ หลังจากระดับน้ำเริ่มบ่าเข้าท่วมในเขตนิรภัยการบิน นอกจากนั้น ยังพบว่ามีผู้โดยสารของสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ยังตกค้างอยู่ 80 คน เนื่องจากไม่สามารถเดินทางออกจากสนามบินได้ ขณะนี้สายการบินกำลังประสานกับทหารเพื่อขอรถบรรทุกไปส่งที่ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี โดยปกติมีเที่ยวบินวันละ 13 เที่ยว 3 สายการบิน ผู้โดยสารประมาณ 4,500 คน
ทหารระดมสรรพกำลังเต็มที่ออกช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด้านผู้ว่าฯ ขอขยายวงเงินฉุกเฉิน จากกรมบัญชีกลาง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย 100 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 41 จำนวนหลายสิบนาย ลงพื้นที่ ต.ไชยมนตรี เมืองนครศรีฯ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือขนสิ่งมีค่าไว้บนที่สูง พร้อมทั้งนำอาหาร และน้ำดื่มไปให้ผู้ประสบภัย รวมทั้งอพยพประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อน หลังน้ำป่าจากเทือกเขาหลวงเข้าท่วมบ้านอย่างหนัก จนเกือบมิดหลังคาบ้านหลายสิบหลังคาเรือน จนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ต้องอพยพมาอยู่บ้านญาติเป็นการชั่วคราว
ขณะที่ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกประชุมด่วนคณะกรรมการคณะทำงานศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามและสรุปสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยได้มีมติเห็นชอบให้มีการขอขยายวงเงินไปยังกรมบัญชีกลาง จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อนำมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนที่สุด โดยเฉพาะอาหาร และถุงยังชีพ นอกจากนี้ ได้ประสาน จ.ภูเก็ต เพื่อนำเรือเจ็ตสกี จำนวน 4 ลำ มาเพื่อนำอาหารไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.ชะอวด พร้อมระดมนำเรือหางยาว และกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ทหาร ตำรวจ เข้าไปอพยพประชาชนที่อยู่ในย่านตลาดชะอวด ไปอยู่ในที่ปลอดภัย เนื่องจากระดับน้ำยังสูง และไหลเชี่ยว ซึ่งไม่สามารถนำเรือท้องแบนเข้าไปในพื้นที่ได้
นอกจากนี้ ได้ขอสนับสนุนเรือผลักดันน้ำจากกองทัพเรือ จำนวน 2 ลำ ไปติดตั้งเพื่อเร่งผลักดันน้ำที่ประตูระบายน้ำฉุกเฉิน ของประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ และที่คลองชะอวด-แพรกเมือง เพื่อระบายน้ำจาก อ.ชะอวด
เร่งอพยพเด็กกว่า 20 คน มาที่บ้านเด็กชายศรีธรรมราช หลังน้ำทะลักท่วมสูง
ที่บ้านเด็กชายศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายสุทัศน์ โพชากรณ์ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านศรีธรรมราช ได้มีการอพยพเด็กชาย และหญิง รวมถึงผู้ใหญ่ที่ประสบปัญหาทางสังคม จำนวนกว่า 20 คน อพยพจากบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่หลังบริเวณสวนศรีธรรมโศก ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมในระดับสูง โดยได้ทำการอพยพมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ โดยนำมาไว้ที่บ้านชายศรีธรรมราช
นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านที่มีเด็กอ่อนอายุ 1 เดือนครึ่ง และ 2 ขวบ ขอความช่วยเหลือให้ช่วยนำออกมาจากบ้าน ซึ่งอยู่ในชุมชนซอยคอกวัว ต.ในเมือง อ.เมือง ซึ่งประสบน้ำท่วมถึงชั้น 2 ลึกกว่า 2 เมตร และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองในการออกมาด้านนอกได้ โดยได้มีทีมตำรวจจราจร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นำเรือเข้าไปช่วยนำสองแม่ลูกอ่อน ออกมายังบ้านพักเด็กชายศรีธรรมราช เพื่ออาศัยอยู่ชั่วคราว ก่อนสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย
โดยผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านศรีธรรมราช ระบุว่า หากท่านใดมีปัญหาเด็กอ่อนบ้านน้ำท่วม สามารถนำเด็กมาฝากเลี้ยง หรือมาอยู่พักพิงที่บ้านเด็กชายศรีธรรมราชได้ เพื่อเป็นการดูแล และช่วยเหลือกันในช่วงอุทกภัย ในขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปใน จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้น้ำยังคงท่วมสูงเกือบทั้งจังหวัด โดยเฉพาะที่ถนนศรีธรรมราช ซึ่งไม่เคยถูกน้ำท่วมมาก่อน มีระดับน้ำสูงกว่า 70 ซม. ระยะกว่า 10 กม. รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้
ทหารเข้าช่วยเหลืออพยพผู้ป่วย-คนแก่ หลังน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้ ผบ.ค่ายฝึกการรบพิเศษที่ 4 สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกำลังทหารเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย เมื่อได้รับแจ้งว่า ชาวบ้านในพื้นที่ อ.สิชล หลายสิบครัวเรือนกำลังได้รับความเดือดร้อน โดยกระแสน้ำที่กำลังไหลเข้าท่วมบ้าน ซึ่งมีคนแก่อยู่ภายในบ้าน ไม่สามารถอพยพได้ทัน โดยมีคนแก่ต้องการความช่วยเหลือไปอยู่ในที่ปลอดภัย แต่ไม่มีพาหนะ
จากนั้นกำลังทหารลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ โดยพบว่า ระดับน้ำทางเข้าบ้านเพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยมีเพียงรถทหารเท่านั้นที่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ได้ โดยเข้าไปช่วยเหลือ นายเริ่ม ตรึกตรอง อายุ 85 ปี ซึ่งมีอาการป่วยไปอยู่บ้านญาติเพื่อความปลอดภัย จากนั้นได้เข้าไปความช่วยเหลือ นางแดง ครุทหมวก อายุ 102 ปี พร้อมด้วย นางวรรณี คงแก้ว อายุ 68 ปี ไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที
อุทยานทุกแห่งในนครศรีธรรมราช แจ้งระวังดินถล่ม หลังพบมีความเสี่ยงสูง พื้นที่เชิงเขาทยอยถล่มหลายจุด
เจ้าหน้าที่กองร้อยฝึกรบพิเศษสิชล จ.นครศรีธรรมราช พยายามเข้าพื้นที่ให้ความช่วยเหลือในพื้นที่หมู่ 7 ต.สิชล ซึ่งเป็นพื้นที่ริมเชิงเขา หลังจากเกิดเหตุดินถล่มใส่บ้านเลขที่ 30 ซึ่งเป็นของ นายนุกูล ช่วยพูล โดยดินได้ถล่มลงมาทับบ้านเสียหายบางส่วน สวนผลไม้เสียหายเป็นวงกว้าง แต่ยังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย
นายวิกรานต์ ทั่วด้าว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาหลวง ระบุว่า ทุกอุทยานรอบเขตพื้นที่เขาหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำกำลังอยู่ในภาวะรับน้ำจนเกินกำลังทุกพื้นที่ น้ำยังคงหลากลงมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่จะตามมา คือ ภาวะดินถล่ม โดยได้ให้หัวหน้าหน่วยอุทยานทุกแห่งในสังกัด ประสานกับทุกท้องที่รายรอบให้ระมัดระวังดินถล่มขั้นสูงสุด เนื่องจากมีสัญญาณเตือนเริ่มดินถล่มในบริเวณเชิงเขาแล้วหลายจุด