ยะลา - จากสภาวะอากาศที่แปรปรวน คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง ทำให้ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำที่เริ่มขาดตลาด และราคาของอาหารทะเลที่มีราคาพุ่งสูงขึ้น
วันนี้ (3 ม.ค.) จากสภาวะอากาศที่แปรปรวน คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก แจ้งเตือนว่า ภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากที่บริเวณ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.สงขลา จ.พัทลุง จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส โดยขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย และชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2560 และให้ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ผู้ประกอบการเรือประมงในพื้นที่ จ.ปัตตานี บางส่วนต้องนำเรือเข้ามาจอดหลบคลื่นลม เพราะเกรงว่าจะได้อันตรายจากคลื่นลมแรง ส่งผลให้ปลาเริ่มขาดตลาด และมีราคาแพงขึ้น
ล่าสุด บรรยากาศตามแผงจำหน่ายอาหารทะเลในตลาดสดในเขตเทศบาลเมืองเบตง เงียบเหงา พ่อค้าแม่ค้ามีสัตว์น้ำทะเลปลา และกุ้งมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าไม่มากนัก ส่วนใหญ่ที่มีวางจำหน่ายจะเป็นปลาเลี้ยงกระชัง และกุ้งทะเลเลี้ยงบ่อ นอกจากนั้น ยังส่งผลให้ราคาอาหารทะเลขยับตัวสูงขึ้น เช่น ปลาทู ราคา 50-60 บาท/กิโลกรัม (กก.) ปรับราคาขึ้นเป็น 80-90 บาท/กก. ปลากะพง ราคา 230 บาท/กก. ปรับขึ้นเป็น 250 บาท/กก.หอยแครง ราคา 70 บาท/กก.ปรับขึ้นเป็น 80 บาท/กก.ปูม้า ราคา 250 บาท/กก.ปรับขึ้นเป็น 350 บาท/กก. ปลาเก๋า ราคา 150 บาท/กก.ปรับขึ้นเป็น 180 บาท/กก. ปลาหมึกหอม ราคา 220 บาท/กก.ปรับขึ้นเป็น 250 บาท/กก. เป็นต้น
นายเหิม บาสะเอ พ่อค้าขายปลาตลาดนัดกล่าวว่า ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง ทำให้เรือแทบทุกชนิดของปัตตานีไม่สามารถออกทำการประมงได้ ส่งผลให้สัตว์น้ำทะเลเริ่มขาดตลาด ต้องสั่งซื้อมาจากภาคใต้ฝั่งตะวันตกจากตรัง และสตูล เพื่อนำมาจำหน่าย ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นในการขนส่ง จึงจำเป็นต้องปรับราคาจำหน่ายขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่แม่ค้าพ่อค้าบางรายรับซื้อปลาเลี้ยงกระชัง และกุ้งทะเลเลี้ยงบ่อมาจำหน่าย แต่ก็ยังมีราคาสูง แต่เชื่อว่าหลังจากที่คลื่นลมสงบเรือประมงสามารถออกทำประมงได้ ก็จะทำให้ราคาเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน คลื่นลมแรงก็ส่งผลดีต่อชาวประมงพื้นบ้านเช่นกัน เพราะสามารถจับปลาชายฝั่งได้มากขึ้น