ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ชาวเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 100 คน บุกยื่นหนังสือเพื่อขอชะลอการประกาศอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน ร้องแก้ปัญหาแนวเขตให้ชัดเจนก่อน หวั่นทับที่ทำกินของชาวบ้าน
วันนี้ (26 ธ.ค.) ณ อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน (เตรียมการ) อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ชาวเกาะพะงันกว่า 100 คน ร่วมด้วยตัวแทนชาวบ้านแนวเขตอุทยาน เครือข่ายชุมชนคนรักษ์เกาะงัน สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านใต้ สมาชิกเทศบาลตำบลเกาะพะงัน และสมาชิก อบจ.สุราษฎร์ธานี ได้เดินทางมาคัดค้านการประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน และได้ร่วมอ่านแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
แถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เครือข่ายชุมชนคนรักษ์เกาะงัน และเครือข่ายภาคประชาชน อ.เกาะพะงัน เรื่องให้ชะลอการประกาศอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน
ตามที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน (เตรียมการ) ได้จัดการประชุมคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 ในวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2559 ณ ห้องประชุมอำเภอเกาะพะงัน โดยเชิญคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานธารเสด็จ-เกาะพะงัน เข้าร่วมประชุม เพื่อชี้แจงร่างโครงการดำเนินการประชาสัมพันธ์ และการประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน เราพบว่า การประชุมดังกล่าวไม่มีความชอบธรรม และขาดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ดังนี้
1.ไม่มีการแจ้งวาระการประชุม และรายละเอียดเกี่ยวกับร่างโครงการดำเนินการประชาสัมพันธ์ และการประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมรับทราบ และทำความเข้าใจล่วงหน้า
2.ไม่มีการนำเรื่องขอคัดค้านการประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน เข้าพิจารณาในที่ประชุม ตามข้อเสนอของภาคประชาชน และข้อเสนอของสภาเทศบาลตำบลเกาะพะงัน และเทศบาลตำบลบ้านใต้ ที่มีมติสนับสนุนข้อเสนอของภาคประชาชน
3.การดำเนินการประชุมไม่เป็นไปตามวาระที่บรรจุไว้ในเอกสารการประชุม ก่อนหน้านี้ เครือข่ายภาคประชาชนอำเภอเกาะพะงัน ได้ยื่นหนังสือขอคัดค้านการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน พร้อมข้อเสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 4 อำเภอเกาะพะงัน อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน (เตรียมการ) เทศบาลตำบลบ้านใต้ เทศบาลตำบลเกาะพะงัน และเทศบาลตำบลเพชรพะงัน โดยทางเครือข่ายฯ ยังคงยืนยันข้อเสนอให้ชะลอการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน จนกว่าจะมีการดำเนินการแก้ไขปัญหา ดังนี้
3.1 ขอให้มีการชะลอการประกาศอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน
3.2 ขอให้มีการตรวจสอบแนวเขตป่าสงวน และที่ทำกินที่เป็นปัจจุบัน
3.3 ขอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแนวเขตตามข้อ 3.2 โดยกลุ่มภาคประชาชนอำเภอเกาะพะงัน จะดำเนินการคัดเลือกตัวแทนเพื่อเข้าร่วมเป็นกรรมการในชุดดังกล่าว โดยให้แจ้งกลับการพิจารณามายังเครือข่ายฯ ภายใน 7 วัน
นายณรงค์ ศรีพงัน เครือข่ายชุมชนคนรักษ์เกาะงัน ได้กล่าวว่า ทางภาคประชาชนได้ยื่นหนังสือ เพื่อขอให้ชะลอการประกาศพื้นที่อุทยานตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2559 แต่ไม่มีการตอบรับ และอุทยานฯ ยังดื้อดึงที่จะประกาศให้ได้ แม้ทราบดีว่าแผนที่ดังกล่าวเป็นแผนที่ที่มีปัญหา เนื่องจากไม่มีการสำรวจแนวเขตที่ดินครบทุกหมู่บ้าน ซึ่งในระหว่างที่ประชาชนมาเจรจา ก็พบว่า หัวหน้าอุทยานฯ กำลังเข้าประชุมเพื่อเสนอเรื่องดังกล่าวต่อกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในเวลานี้ หากการเจรจาวันนี้ไม่เป็นผลภายใน 7 วัน ชาวเกาะพะงันกว่าครึ่งเกาะจะมาทวงถามอีกครั้ง
ทั้งนี้ อ.เกาะพะงัน มีการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2526 และอุทยานธารเสด็จ-เกาะพะงัน ได้มีการเตรียมการเพื่อประกาศเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ มาตั้งแต่ พ.ศ.2532 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 24,450 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่ทับซ้อนกับแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ-ป่าเกสะพะงัน ซึ่งมีแนวเขตไม่ชัดเจน จนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีผู้ถือสิทธิทำกินที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมานานกว่า 60 ปี ทำให้เกิดการรวมตัวของภาคประชาชนเพื่อคัดค้าน และขอให้ชะลอการประกาศพื้นที่อุทยานฯ จนกว่าจะมีการจัดทำแนวเขตที่เป็นปัจจุบัน
ด้าน นายกีรติ เพชรทอง นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน กล่าวชี้แจงว่า ทางอุทยานฯ ได้ทำตามข้อเสนอของภาคประชาชน โดยการแต่งตั้งกรรมการร่วมตรวจสอบแนวเขตใหม่ และอยู่ในระหว่างรอการลงนามจากนายอำเภอ ซึ่งการเจรจาในวันนี้ ทางหัวหน้าอุทยานฯ ได้รับทราบแล้ว และให้แจ้งว่าจะดำเนินการออกหนังสือชะลอการประกาศอุทยานฯ ออกไปก่อน และสามารถเริ่มประชุมเพื่อแก้ปัญหาเรื่องแนวเขตที่ไม่ชัดเจนได้ภายใน 7 วัน ตามข้อเรียกร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการเจรจาดังกล่าวทำให้ประชาชนพึงพอใจในระดับหนึ่ง จึงกำชับให้ทางอุทยานฯ ออกหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร และจะติดตามผลอีกครั้งภายในวันที่ 5 มกราคม 2560 นี้ หลังจากได้รับการชี้แจงจาก นายกีรติ เพชรทอง นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน จึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ โดยตกลงกันว่า ภายใน 7 วัน จะกลับมาตามข้อเรียกร้องอีกครั้งหนึ่ง