ปัตตานี - มารดาของหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัว พาสื่อดูบ่อปลาของ “นายฮามิ” บุตรชาย พบเสียหายเกือบหมดบ่อหลังเกิดฝนตกหนัก เพราะลูกชายถูกทหารควบคุมตัวเข้าซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี จึงไม่มีคนดูแล วอนเจ้าหน้าที่คำนึงจุดนี้ด้วย
วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการปิดล้อมการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ในพื้นที่ ม.6 ต.ปูยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี พบอาวุธปืน เครื่องกระสุน และของกลางอื่นๆ จำนวน 30 กว่ารายการ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 4 ราย ไปขยายผลที่ฐานหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดหลักเมืองปัตตานี ก่อนจะนำตัวเข้าสู่กระบวนซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ซึ่งทำให้ญาติไม่พอใจ และกลับรู้สึกถูกเจ้าหน้าที่รัฐรังแก รวมทั้งไม่มั่นใจในความปลอดภัยของผู้ต้องสงสัยในระหว่างควบคุมตัว จึงวอนผ่านสื่อขอความเป็นธรรมจากทางแม่ทัพภาคที่ 4
ล่าสุด นางตีนุช ทิพย์ยอและ มารดาของนายฮามิ เจ๊มะ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัว ได้พาทีมสื่อไปดูบ่อเลี้ยงปลาดุกของลูกชาย ตั้งอยู่บริเวณ ม.3 บ้านกรือเซะ ต.ตันหยงลุโล๊ะ อ.เมือง จ.ปัตตานี จำนวน 6 บ่อ เพื่อยืนยันความจริงว่า ลูกชายมีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่ได้ไปเกะกะอะไรกับใครที่ไหน วันๆ อยู่กับบ่อปลาเพราะมีปลาที่เลี้ยงอยู่เกือบเข้า 4 เดือน จำนวน 6 บ่อ ต้องให้อาหารวันละ 2 มื้อ อาหารที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นปลา (เศษปลา) ที่ซื้อมาจากสะพานปลา ไส้ไก่ และข้าวสวยต้มทุกวัน วันละ 1 กระสอบ โดยซื้อข้าวสารข้ามปี หรือข้าวสารแดงเพราะจะมีราคาถูกกว่าข้าวสารทั่วไป และทำมาร่วมสิบปี
จากเหตุภาวะฝนตกหนัก 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ปลาเกือบหลุดหมดบ่อ เพราะลูกชายไม่ได้อยู่ดูแล หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวไปเข้าสู่กระบวนการซักถาม เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาวุธปืน ว่า ลูกชายเป็นฝ่ายจัดหา ผู้เป็นแม่จึงต้องดิ้นรนมาดูแลเอง แม้เหนื่อยก็ต้องยอม โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืน จึงไม่ได้หลับนอนกัน เพราะต้องค่อยนำเครื่องยนต์ดูดน้ำทิ้งแข่งกับน้ำฝนจากฟากฟ้า โชคดีที่มีชาวบ้านรับอาสาช่วยติดเครื่องให้ มิฉะนั้นคงสิ้นหวังแน่นอน
หลังจากลูกชายถูกควบคุมตัว ซึ่งยังไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวกลับบ้านเมื่อไหร่ ช่วงเช้าก็ต้องไปเยี่ยมลูกเพื่อส่งข้าวปลา และสิ่งจำเป็นเพราะสงสารลูก คิดถึงลูก เป็นห่วงลูก กลับมาต้องมานั่งหุงข้าววันละกระสอบให้ปลาแทนลูก แล้วจัดหาไส้ไก่ และปลา ไก่ เหนื่อยมากเพราะมีอายุมากแล้ว จึงวอนความเมตตาจากเจ้าหน้าที่ ถ้าลูกชายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องอยากให้ลูกชายมาดูแลต่อไปโดยเร็ว ก่อนที่จะสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรุณาคำนึงในส่วนนี้ด้วย เพราะความเสียหายจะให้ใครรับผิดชอบ
นางตีนุช ยังกล่าวว่า วันนี้ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่อำนวยความสะดวก และทุกครั้งที่มาเยี่ยมลูก ที่ให้โอกาสสามารถเข้าเยี่ยมลูก ถึงแม้มีเวลาเพียง 3 นาที นั่งรถมาเป็นชั่วโมง เช่าวันละ 500 บาท ได้ดูลูกอยู่ภายในรถยนต์ ที่มีเจ้าหน้าที่คอยประกบซ้ายขวา และไม่สามารถสัมผัสผิวกายลูก ก็ดีใจแล้วว่า ลูกเรายังมีชีวิตอยู่ ย่อมเป็นความรู้สึกธรรมดาของคนเป็นแม่ และวันนี้ได้เยี่ยมเป็นคนแรก แต่ที่ไม่สบายใจหลังจากตกเป็นข่าวในหลายสำนักข่าว หลังจากที่ครอบครัวเข้าร้องผ่านสื่อเพื่อขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ กลับมีเจ้าหน้าที่บางคนพูดจาไม่สุภาพ หาว่าพ่อแม่ไปร้องเรียนสื่อทำไม เดียวจะเอาตัวพ่อแม่มาคุมตัวที่นี่ด้วย พูดจาเหมือนจะขู่ชาวบ้าน จึงอยากให้ผู้บังคับบัญชากำชับในเรื่องนี้ด้วย และให้ความเป็นธรรมต่อลูกชาย รวมทั้งครอบครัวตนด้วย