นครศรีธรรมราช - น้ำป่าจากต้นน้ำคีรีวงใน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ทะลักลงมาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดฝนตกติดต่อกันตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่พื้นที่ลุ่มในอีก 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.จุฬาภรณ์ อ.ชะอวด และ อ.ร่อนพิบูลย์ มีน้ำท่วมขังหลายจุด
วันนี้ (2 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณธารน้ำท่าหา ต้นน้ำท่าดี บ้านท่าหา ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กระแสน้ำป่าได้หลากลงมาจากเทือกเขาหลวงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองท่าดี ซึ่งเป็นลำคลองสายหลักที่ไหลเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช เพิ่มระดับจนเริ่มล้นตลิ่งในหลายจุด ก่อนที่จะไหลเข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบมากนัก
อย่างไรก็ตาม สภาพน้ำป่าที่หลากลงมานั้นชาวบ้านระบุว่า ยังเป็นการหลากของน้ำฝนปริมาณมาก ซึ่งน้ำยังไม่เปลี่ยนสี แต่เป็นการเตือนให้เฝ้าระวังหากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องจะเกิดเป็นน้ำป่าอย่างหนักได้ โดยน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีขุ่นข้นแดงเป็นโคลนคือสัญญาณอันตราย
ส่วนภาวะฝนตกหนักนั้นพบว่า บริเวณเทือกเขาสูงยังมีฝนอย่างต่อเนื่อง ทัศนวิสัยไม่สามารถมองเห็นยอดภูเขาได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกประกาศย้ำเตือนถึงความเสี่ยงของพื้นที่ริมน้ำ และพื้นลุ่มเชิงเขาใกล้ธารน้ำให้เพิ่มความระมัดระวังต่อภาวะน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
หลังเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยังส่งผลให้พื้นที่ลุ่มใน 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.จุฬาภรณ์ อ.ชะอวด และ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมขังจากน้ำป่าไหลหลากอย่างรวดเร็ว โดยบางจุดในพื้นที่ลุ่มของ อ.จุฬาภรณ์ ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร โดยที่โรงเรียนมัธยมศึกษาจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ระดับน้ำท่วมสูง ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงประกาศปิดการเรียนการสอน 1 วัน ซึ่งพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังใน 3 อำเภอ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนประมาณกว่า 1 พันครัวเรือน และมีพื้นที่เกษตรกรรมถูกน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง
นายชัยธวัช ศิวะบวร ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และเฝ้าติดตามการายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน กำลังพลจากหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ได้เร่งเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นการเบื้องต้นแล้ว