พังงา - เหยื่อแชร์ออนไลน์เข้าพบตำรวจ หลังเท้าแชร์ประกาศยุบวง สูญเงินกว่า 6 ล้านบาท ด้านเท้าแชร์ยันไม่หนีพร้อมชดใช้ให้ รับบริหารผิดพลาดเอง
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรโคกกลอย ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา กลุ่มผู้เสียหายจากแชร์ออนไลน์ ออมทอง บนเฟซบุ๊ก จำนวน 12 ราย เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.
สุทธิพงค์ รอดสง สว.สืบสวน สถานีตำรวจภูธรโคกกลอย เพื่อเอาผิดต่อ น.ส.นิตยา รายากุล อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 7/7 หมู่ 6 ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชาชน” โดยเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกกลอย ได้รับแจ้งความไว้ ส่วนการกระทำผิดของผู้ต้องหานั้นน่าจะเข้าข่ายความฐานผิดฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ต้องสอบปากคำ น.ส.นิตยา รายากุล เท้าแชร์เพิ่มเติมก่อน
พ.ต.ต.สุทธิพงค์ รอดสง เผยว่า คดีดังกล่าวเป็นเรื่องการรวมกลุ่มเล่นแชร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่ามีผลการตอบแทนสูง เมื่อมีผู้หลงเชื่อก็จะจ่ายเงินปันผลให้ตามคำกล่าวอ้างในตอนแรกๆ ทำให้ผู้เสียหายคิดว่าได้เงินแน่นอน จึงเริ่มชักชวนคนใกล้ตัวมาลงทุนด้วย จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียหายได้หลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อออนไลน์ โดยใช้ทอง และค่าตอบแทนผลกำไรที่สูงเกินจริงเป็นแรงจูงใจ จึงอยากฝากเตือนในเรื่องการลงทุนด้านการเงิน ต้องร่างหนังสือสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อพบเจอคำเชิญชวนลงทุนที่ให้ผลตอบแทนจำนวนมากให้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการหลอกลวงไว้ก่อน สำหรับคดีดังกล่าวทางตำรวจยังคงได้สอบปากคำ น.ส.นิตยา รายากุล เท้าแชร์เพิ่มเติมก่อนจึงจะสรุปได้
ด้านตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า น.ส.นิตยา รายากุล ได้ตั้งกลุ่มออมทอง ชื่อ “Niittaa” สมาชิกก็มาจากเพื่อนร่วมงาน คนรู้จักได้แนะนำกันเข้ามาในกลุ่ม โดยมี น.ส.นิตยา รายากุล เป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก และเท้าแชร์ มีสมาชิกทั้งหมด 300 กว่าคน ซึ่งก่อนหน้าได้เปิดเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ พอสมาชิกมีจำนวนมากก็ได้เปลี่ยนเป็นกลุ่มลับ จากนั้นก็เริ่มเปิดเงินออม พร้อมกับเปิดแชร์มาเรื่อยๆ ให้สมาชิกได้ออมเงินเพื่อได้กำไร ออมเงิน 37,000 บาท 1 เดือน ได้กำไร 5,000 บาท โดยให้เหตุผลว่าให้สมาชิกได้มีเงินหมุนเวียนในการจ่ายแชร์ในแต่ละงวด ซึ่งได้ตั้งกลุ่มแชร์รายวัน 5 วัน รายอาทิตย์ 10 วัน และทุก 15 วัน กว่า 40 วง มีทั้งวงแชร์เงิน แชร์ทอง และออมเงิน
ทั้งนี้ แต่ละวงจะมีการตั้งวงเงินไว้ตั้งแต่ 3,000-100,000 บาท และจะปันผลคืนต้นและดอกในส่วนของแชร์เป็นงวดๆ ส่วนเงินออมจะจ่ายคืนทุน และกำไรตามที่กำหนดเช่น 7 วัน 10 วัน 15 วัน หรือ 1 เดือน ตั้งแต่ต้นปี 59 การเล่นแชร์เริ่มจากเล่นกันในกลุ่มเพื่อน 8-10 คน จึงเริ่มลงเงินเล่นแชร์ดังกล่าว และได้เงินกับดอกมาตลอด เห็นว่ามันได้เงินแน่นอน จึงไปบอกคนรู้จักหลายคนพอมีสมาชิกบอกปากต่อปากบอกเพื่อน และญาติ ก็ได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่องๆ จึงเปิดตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กขึ้น และสนใจเอาเงินไปร่วมเล่นด้วย รวมจำนวนเงิน 2,360,000 บาท และผู้ที่ยังไม่ได้มาแจ้งความอีกรวมแล้วกว่า 6,000,000 บาท ส่วนใหญ่ผู้ที่ร่วมเล่นจะอาศัยอยู่ในจังหวัดใกล้เคียง เช่น กระบี่ พังงา ภูเก็ต ในเบื้องต้นตกลงกันได้ โดยให้มีการทำสัญญาต้องชำระเงินให้แก่ผู้เสียหายทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ถ้าไม่ครบตามกำหนดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป
ทางด้าน น.ส.นิตยา รายากุล เท้าแชร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้ตั้งแชร์ขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว โดยได้รวบรวมเพื่อๆ คนรู้จักมาเล่นแชร์กัน ซึ่งมีการตั้งกลุ่มแชร์ขึ้นมาในเฟซบุ๊ก หลังจากนั้น ก็มีการบอกต่อๆ กันไปจนมีสมาชิกกว่า 100 คน มีวงแชร์ทั้งหมด 37 วง หลังๆ ประสบปัญหาลูกแชร์บางรายไม่จ่ายเงินตามที่ตกลง และบล็อกเฟซบุ๊ก จนทำให้ขาดสภาพคล่องไม่มีเงินที่จะไปจ่ายลูกแชร์คนอื่นๆ จึงได้ประกาศในกลุ่มว่าขอยุบวงแชร์ และจะชดใช้เงินให้แก่ลูกแชร์ทั้งหมด โดยการแบ่งจ่ายให้เป็นงวดๆ ทั้งนี้ ตนเองก็ยอมรับว่าบริหารผิดพลาดจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และตนเองก็ไม่เคยคิดที่จะหนีไปไหนด้วย ยินดีที่จะรับผิดชอบแต่ขอเวลาให้ตนหน่อย ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการทำหนังสือสัญญากับลูกแชร์ทั้งหมดแล้วว่าจะชดใช้เงินให้ แต่ลูกแชร์กลับมาแจ้งความดำเนินคดี ตนเองก็ไม่เข้าใจ
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรโคกกลอย ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา กลุ่มผู้เสียหายจากแชร์ออนไลน์ ออมทอง บนเฟซบุ๊ก จำนวน 12 ราย เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.
สุทธิพงค์ รอดสง สว.สืบสวน สถานีตำรวจภูธรโคกกลอย เพื่อเอาผิดต่อ น.ส.นิตยา รายากุล อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 7/7 หมู่ 6 ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชาชน” โดยเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกกลอย ได้รับแจ้งความไว้ ส่วนการกระทำผิดของผู้ต้องหานั้นน่าจะเข้าข่ายความฐานผิดฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ต้องสอบปากคำ น.ส.นิตยา รายากุล เท้าแชร์เพิ่มเติมก่อน
พ.ต.ต.สุทธิพงค์ รอดสง เผยว่า คดีดังกล่าวเป็นเรื่องการรวมกลุ่มเล่นแชร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่ามีผลการตอบแทนสูง เมื่อมีผู้หลงเชื่อก็จะจ่ายเงินปันผลให้ตามคำกล่าวอ้างในตอนแรกๆ ทำให้ผู้เสียหายคิดว่าได้เงินแน่นอน จึงเริ่มชักชวนคนใกล้ตัวมาลงทุนด้วย จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียหายได้หลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อออนไลน์ โดยใช้ทอง และค่าตอบแทนผลกำไรที่สูงเกินจริงเป็นแรงจูงใจ จึงอยากฝากเตือนในเรื่องการลงทุนด้านการเงิน ต้องร่างหนังสือสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อพบเจอคำเชิญชวนลงทุนที่ให้ผลตอบแทนจำนวนมากให้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการหลอกลวงไว้ก่อน สำหรับคดีดังกล่าวทางตำรวจยังคงได้สอบปากคำ น.ส.นิตยา รายากุล เท้าแชร์เพิ่มเติมก่อนจึงจะสรุปได้
ด้านตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า น.ส.นิตยา รายากุล ได้ตั้งกลุ่มออมทอง ชื่อ “Niittaa” สมาชิกก็มาจากเพื่อนร่วมงาน คนรู้จักได้แนะนำกันเข้ามาในกลุ่ม โดยมี น.ส.นิตยา รายากุล เป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก และเท้าแชร์ มีสมาชิกทั้งหมด 300 กว่าคน ซึ่งก่อนหน้าได้เปิดเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ พอสมาชิกมีจำนวนมากก็ได้เปลี่ยนเป็นกลุ่มลับ จากนั้นก็เริ่มเปิดเงินออม พร้อมกับเปิดแชร์มาเรื่อยๆ ให้สมาชิกได้ออมเงินเพื่อได้กำไร ออมเงิน 37,000 บาท 1 เดือน ได้กำไร 5,000 บาท โดยให้เหตุผลว่าให้สมาชิกได้มีเงินหมุนเวียนในการจ่ายแชร์ในแต่ละงวด ซึ่งได้ตั้งกลุ่มแชร์รายวัน 5 วัน รายอาทิตย์ 10 วัน และทุก 15 วัน กว่า 40 วง มีทั้งวงแชร์เงิน แชร์ทอง และออมเงิน
ทั้งนี้ แต่ละวงจะมีการตั้งวงเงินไว้ตั้งแต่ 3,000-100,000 บาท และจะปันผลคืนต้นและดอกในส่วนของแชร์เป็นงวดๆ ส่วนเงินออมจะจ่ายคืนทุน และกำไรตามที่กำหนดเช่น 7 วัน 10 วัน 15 วัน หรือ 1 เดือน ตั้งแต่ต้นปี 59 การเล่นแชร์เริ่มจากเล่นกันในกลุ่มเพื่อน 8-10 คน จึงเริ่มลงเงินเล่นแชร์ดังกล่าว และได้เงินกับดอกมาตลอด เห็นว่ามันได้เงินแน่นอน จึงไปบอกคนรู้จักหลายคนพอมีสมาชิกบอกปากต่อปากบอกเพื่อน และญาติ ก็ได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่องๆ จึงเปิดตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กขึ้น และสนใจเอาเงินไปร่วมเล่นด้วย รวมจำนวนเงิน 2,360,000 บาท และผู้ที่ยังไม่ได้มาแจ้งความอีกรวมแล้วกว่า 6,000,000 บาท ส่วนใหญ่ผู้ที่ร่วมเล่นจะอาศัยอยู่ในจังหวัดใกล้เคียง เช่น กระบี่ พังงา ภูเก็ต ในเบื้องต้นตกลงกันได้ โดยให้มีการทำสัญญาต้องชำระเงินให้แก่ผู้เสียหายทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ถ้าไม่ครบตามกำหนดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป
ทางด้าน น.ส.นิตยา รายากุล เท้าแชร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้ตั้งแชร์ขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว โดยได้รวบรวมเพื่อๆ คนรู้จักมาเล่นแชร์กัน ซึ่งมีการตั้งกลุ่มแชร์ขึ้นมาในเฟซบุ๊ก หลังจากนั้น ก็มีการบอกต่อๆ กันไปจนมีสมาชิกกว่า 100 คน มีวงแชร์ทั้งหมด 37 วง หลังๆ ประสบปัญหาลูกแชร์บางรายไม่จ่ายเงินตามที่ตกลง และบล็อกเฟซบุ๊ก จนทำให้ขาดสภาพคล่องไม่มีเงินที่จะไปจ่ายลูกแชร์คนอื่นๆ จึงได้ประกาศในกลุ่มว่าขอยุบวงแชร์ และจะชดใช้เงินให้แก่ลูกแชร์ทั้งหมด โดยการแบ่งจ่ายให้เป็นงวดๆ ทั้งนี้ ตนเองก็ยอมรับว่าบริหารผิดพลาดจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และตนเองก็ไม่เคยคิดที่จะหนีไปไหนด้วย ยินดีที่จะรับผิดชอบแต่ขอเวลาให้ตนหน่อย ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการทำหนังสือสัญญากับลูกแชร์ทั้งหมดแล้วว่าจะชดใช้เงินให้ แต่ลูกแชร์กลับมาแจ้งความดำเนินคดี ตนเองก็ไม่เข้าใจ
