ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกษตรกรใน อ.สทิงพระ จ.สงขลา เปลี่ยนแนวคิดมาทำการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่งพื้นที่ปลูกผักมาเลี้ยงแพะ กลายเป็นรายได้หลัก และสามารถทำเงินได้ทันทีตั้งแต่ปีแรก
วันนี้ (20 พ.ย.) นายไชยยา ทองประดิษฐ์ อายุ 46 ปี เกษตรกรในพื้นที่ ม.5 ต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา หนึ่งในเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จจากการทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ใช้พื้นที่ทั้งหมดปลูกพืชผักสวนครัวขายแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งประสบปัญหาทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย และราคาในท้องตลาดที่มีความไม่แน่นอน
นายไชยยา กล่าวว่า แต่ก่อนมีอาชีพปลูกพืชผักสวนครัวแต่เพียงอย่างเดียว โดยใช้พื้นที่รอบตัวบ้าน จำนวน 6 ไร่ แต่ประสบปัญหาโดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศที่บางครั้งแล้งจัด หรือมีฝนตกหนักทำให้น้ำท่วม รวมทั้งราคาขายผลิตผลทางเกษตรที่ไม่มีความแน่นอน จึงปรับเปลี่ยนแนวคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียง แล้วหันมาจัดสรรพื้นที่ทำการเกษตรส่วนหนึ่งมาทำคอกเลี้ยงแพะแบบยกพื้นขนาดความกว้าง 13 เมตร ความยาว 10 เมตร และไปซื้อพ่อพันธุ์แพะมาจาก จ.สตูล
โดยภายหลังเลี้ยงแพะมาได้ราว 5 ปี ใช้เงินลงทุน 3 แสนบาท ปัจจุบัน มีพ่อพันธุ์แพะ 10 ตัว แพะพันธุ์พื้นบ้าน 29 ตัว และลูกแพะอีประมาณ 30-40 ตัว และทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณปีละ 1 แสนบาท และกลายเป็นรายได้หลักที่มีความแน่นอน เนื่องจากพ่อพันธุ์แพะที่ซื้อมาสามารถนำมาผสมพันธุ์กับแม่พันธุ์แพะที่มีอยู่ได้ทันที ซึ่งในแต่ละปีจะสามารถให้ลูกแพะได้ปีละ 2 ครั้ง และสามารถขุนลูกแพะเพื่อจำหน่ายได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือนขึ้นไป โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 100-200 บาท ตามแต่ขนาด และประเภทของแพะ
ส่วนเรื่องอาหารของแพะนั้นก็จะเลี้ยงแบบปล่อยไล่ทุ่งให้แทะเล็มหญ้า และยอดไม้ภายในพื้นที่รอบบ้าน ส่วนช่วงหน้าฝนก็จะตัดหญ้าไปให้ในคอก ในขณะที่ขี้แพะก็สามารถนำไปขายกระสอบละ 30 บาท รวมทั้งใช้ใส่เป็นปุ๋ยบำรุงดินให้แก่ต้นไม้ และพืชผักต่างๆ ภายในสนสวนได้อีกด้วย โดยขณะนี้ได้ปลูกพริกหอมเหลือง จำนวน 400 ต้น ซึ่งมีราคาดีสูงสุดกิโลกรัมละ 150 บาท และขุดบ่อเลี้ยงปลาเพิ่มอีก 1 บ่อ เพื่อให้ครบวงจรตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
นายไชยยา กล่าวว่า ขณะนี้แพะเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะชาวมุสลิมในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นิยมกินแพะ และใช้ประกอบในพิธีทางศาสนา ซึ่งจะมารับซื้อกันถึงบ้าน และจากนี้ก็จะปรับเปลี่ยนวิธีการขาย โดยจะขุนแพะให้มีอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่แพะจะผลัดฟันเป็นครั้งแรก ซึ่งจะมีราคาดีประมาณกิโลกรัมละ 180-200 บาท และมีน้ำหนักตัวราว 50 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ วิถีเกษตรพอเพียงที่มีการจัดแบ่งพื้นที่ ทั้งที่พักอาศัย ปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์ นั้น สามารถทำได้ และเป็นผลจริง