ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โลกโซเชียลแห่ชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจุดท่าเรือ เห็นชายชราจอดรถจักรยานยนต์ข้างทางเข้าไปสอบถามให้ความช่วยเหลือพบโซขาด ช่วยถีบรถไปร้านซ่อมรถ แต่ลุงไม่อยากซ่อมเพราะไม่มีเงินจ่ายควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าโซ่ ค่าสเตอร์แทน หวังให้ลุงมีรถขับไปทำงาน
วันนี้ (10 พ.ย.) โลกโซเชียลได้มีการโพสต์ภาพ พร้อมข้อความชื่นชมการทำความดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรรายหนึ่ง ที่เข้าไปยังร้านจำหน่ายอะไหล่และซ่อมรถ ในพื้นที่บริเวณถนนเทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยชายสูงอายุที่เข็นรถจักรยานยนต์เข้ามาในลักษณะไม่อยากเข้าไปที่ร้าน โดยตำรวจรายดังกล่าวได้แจ้งต่อทางร้านว่า รถของชายชราโซ่ขาดถ้าเปลี่ยนโซ่คิดเท่าไหร่ โดยบอกว่าจะจ่ายเงินให้เอง เนื่องจากชายชราคนดังกล่าวไม่มีเงิน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่คำรวจจราจรคนดังกล่าว คือ ด.ต.สุธี มณีสิงห์ ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ถลาง ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรจุดแยกท่าเรือ โดย ด.ต.สุธี กล่าวว่า ที่ทำไปไม่ได้คิดว่าจะได้รับการชื่นชม แต่อยากช่วยเหลือให้ลุงคนดังกล่าวซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้มีรถขับไปทำงาน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากปฏิบัติหน้าที่ระบายรถที่จุดแยกท่าเรือ ก็ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมาเพื่อที่จะกลับไปที่บ้านเคียน
แต่ระหว่างทางซึ่งเลยร้านขายปูนอินทรีย์ไปเล็กน้อย เห็นลุงคนดังกล่าวจอดรถจักรยานยนต์ไว้ข้างทาง จึงได้จอดรถสอบถามเพื่อให้การช่วยเหลือเนื่องจากคิดว่าน้ำมันหมด ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า โซ่รถขาด และกำลังจะไปทำงาน ก็เลยบอกไปกับลุงว่าข้างหน้ามีร้านซ่อมรถเดี๋ยวจะช่วยถีบรถไปให้ โดยลุงแจ้งว่า ไม่อยากซ่อมเพราะไม่มีเงิน ต้องทำงานรายวันเงินไม่พอค่าซ่อม จึงบอกลุงให้เอารถไปที่ร้านซ่อมก่อน ส่วนค่าซ่อมเท่าไรตนจะออกให้ก่อน มีเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืน แต่ลุงก็ยังไม่ยอม แต่ก็พยายามโน้มน้าวลุงให้ยอมเอารถไปที่ร้านซ่อม เมื่อไปถึงลุงก็ยังไม่อยากซ่อม เลยเข้าไปถามที่ร้านว่า โซ่ขาดต้องซ่อมเท่าไหร่ ทางร้านแจ้งว่าต้องเปลี่ยนทั้งชุดคือ ทั้งโซ่ และสเตอร์ ประมาณ 490 บาท จึงให้ร้านเปลี่ยนให้ และให้เก็บเงินที่ต้น หลังจากนั้น ตนก็รีบออกจากร้านเพื่อไปทำงานต่อ และไม่คิดว่าจะมีคนนำเรื่องราวของตนไปลงในโลกโซเชียล ตนหวังเพียงให้ลุงคนดังกล่าวมีรถขับไปทำงานเท่านั้น เพราะถ้าไม่มีรถการเดินทางคงเป็นไปด้วยความลำบาก
สำหรับ ด.ต.สุธี เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ารับราชการตำรวจเมื่อปี 2537 ที่ อ.เกาะสุมุย จ.สุราษฎร์ธานี และย้ายมาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อปี 2543 จนถึงปัจจุบัน
วันนี้ (10 พ.ย.) โลกโซเชียลได้มีการโพสต์ภาพ พร้อมข้อความชื่นชมการทำความดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรรายหนึ่ง ที่เข้าไปยังร้านจำหน่ายอะไหล่และซ่อมรถ ในพื้นที่บริเวณถนนเทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยชายสูงอายุที่เข็นรถจักรยานยนต์เข้ามาในลักษณะไม่อยากเข้าไปที่ร้าน โดยตำรวจรายดังกล่าวได้แจ้งต่อทางร้านว่า รถของชายชราโซ่ขาดถ้าเปลี่ยนโซ่คิดเท่าไหร่ โดยบอกว่าจะจ่ายเงินให้เอง เนื่องจากชายชราคนดังกล่าวไม่มีเงิน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่คำรวจจราจรคนดังกล่าว คือ ด.ต.สุธี มณีสิงห์ ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ถลาง ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรจุดแยกท่าเรือ โดย ด.ต.สุธี กล่าวว่า ที่ทำไปไม่ได้คิดว่าจะได้รับการชื่นชม แต่อยากช่วยเหลือให้ลุงคนดังกล่าวซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้มีรถขับไปทำงาน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากปฏิบัติหน้าที่ระบายรถที่จุดแยกท่าเรือ ก็ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมาเพื่อที่จะกลับไปที่บ้านเคียน
แต่ระหว่างทางซึ่งเลยร้านขายปูนอินทรีย์ไปเล็กน้อย เห็นลุงคนดังกล่าวจอดรถจักรยานยนต์ไว้ข้างทาง จึงได้จอดรถสอบถามเพื่อให้การช่วยเหลือเนื่องจากคิดว่าน้ำมันหมด ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า โซ่รถขาด และกำลังจะไปทำงาน ก็เลยบอกไปกับลุงว่าข้างหน้ามีร้านซ่อมรถเดี๋ยวจะช่วยถีบรถไปให้ โดยลุงแจ้งว่า ไม่อยากซ่อมเพราะไม่มีเงิน ต้องทำงานรายวันเงินไม่พอค่าซ่อม จึงบอกลุงให้เอารถไปที่ร้านซ่อมก่อน ส่วนค่าซ่อมเท่าไรตนจะออกให้ก่อน มีเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืน แต่ลุงก็ยังไม่ยอม แต่ก็พยายามโน้มน้าวลุงให้ยอมเอารถไปที่ร้านซ่อม เมื่อไปถึงลุงก็ยังไม่อยากซ่อม เลยเข้าไปถามที่ร้านว่า โซ่ขาดต้องซ่อมเท่าไหร่ ทางร้านแจ้งว่าต้องเปลี่ยนทั้งชุดคือ ทั้งโซ่ และสเตอร์ ประมาณ 490 บาท จึงให้ร้านเปลี่ยนให้ และให้เก็บเงินที่ต้น หลังจากนั้น ตนก็รีบออกจากร้านเพื่อไปทำงานต่อ และไม่คิดว่าจะมีคนนำเรื่องราวของตนไปลงในโลกโซเชียล ตนหวังเพียงให้ลุงคนดังกล่าวมีรถขับไปทำงานเท่านั้น เพราะถ้าไม่มีรถการเดินทางคงเป็นไปด้วยความลำบาก
สำหรับ ด.ต.สุธี เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ารับราชการตำรวจเมื่อปี 2537 ที่ อ.เกาะสุมุย จ.สุราษฎร์ธานี และย้ายมาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อปี 2543 จนถึงปัจจุบัน