ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย
กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ฟินแลนด์ประจำจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่
ประธานกรรมการบริหารโรงแรมในเครือกะตะกรุ้ป
--------------------------------------------------------------------------------
ผมเกิดในรัชกาลที่ 9 ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนต่างจังหวัด เป็นครอบครัวใหญ่ ตั้งแต่จำความได้เห็นรูปในหลวงแขวนอยู่ข้างฝาผนังบ้าน พ่อบอกเราอาศัยแผ่นดินของท่านอยู่ ฉะนั้นต้องสำนึกในบุญคุณท่าน โดยเป็นคนดี
เมื่อโตขึ้นเห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ เหงื่อไหลไคลย้อย เดินป่าฝ่าดง ขึ้นเขาลงห้วย ฝ่าพายุฝนไปเยี่ยมชาวบ้านที่อยู่ในที่ทุรกันดาร ผมยังนึกอยู่ในใจ แล้วพวกข้าราชการที่รับผิดชอบตามกรมกองต่างๆ ไปอยู่ที่ไหนหมด ไม่ออกมารับผิดชอบ ช่วยกันพัฒนา ปล่อยให้ในหลวงตรัสแล้วตรัสอีก ออกมาทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว ก็มิได้สนองพระราชดำริ ทั้งๆ ที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน!
ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตการเมือง จากนักการเมือง และผู้หลงในอำนาจ สร้างปัญหาให้แก่ประเทศชาติ ด้วยพระบารมีของในหลวงก็จัดการปัญหาจบอย่างราบรื่น
พระองค์ไม่มีแววตาท้อแท้ออกมาให้เห็น พ่อผมบอกท่านคงเหนื่อยน่าดู ทั้งกายและใจ ผมจึงตั้งปณิธานไว้ในใจว่า ผมจะเป็นคนดี ไม่สร้างปัญหาให้ท่านต้องเสียใจ และจะทำทุกอย่างเพื่อพระองค์ท่านถ้ามีโอกาส ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม
ในปี พ.ศ.2538 ในหลวงทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ทุกหน่วยงานอยากจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่เป็นสิริมงคลนี้ เช่นเดียวกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ขณะนั้นผมเป็นอุปนายกสมาคม ได้นำเสนอจัด “บุฟเฟต์ชายหาดยาวที่สุดในโลก ยาว 1,509 เมตร” ความหมายคือ “ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี คือ รัชกาลที่ 9” งานจบลงด้วยความสำเร็จ กว่าจะนำเงินไปถวายเป็นพระราชกุศลก็ผ่านไป 1 ปี ผมก็ตั้งใจบวชทันที เพื่อถวายแด่สมเด็จย่า ซึ่งทรงเริ่มประชวร
ในปี พ.ศ.2529 สโมสรราชวรุณ สโมสรเรือใบแห่งประเทศไทย กองทัพเรือ และจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมจัดแข่งเรือใบชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพรีกัตต้า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ที่โรงแรมภูเก็ตยอร์ชคลับ หาดในหาน ติดต่อกันมา 12 ปี จนโรงแรมเปลี่ยนเจ้าของ จึงย้ายมาจัดที่โรงแรมกะตะบีชรีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 จนบัดนี้ คิงส์คัพรีกัตต้า จัดติดต่อมาปีนี้เป็นปีที่ 30 และโรงแรมกะตะบีชรีสอร์ทเป็นเจ้าภาพร่วมเป็นปีที่ 19 โดยสนับสนุนปีละ 1.5 ล้านบาท
และโรงแรมกะตะบีชรีสอร์ทจะเป็นรีกัตต้าโฮมตลอดไป
2 เหตุการณ์นี้สร้างความสุขความภูมิใจแก่ผมมาก เพราะได้สนองปณิธานที่ผมตั้งใจทำเพื่อในหลวง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม และผมยังมีปณิธานที่แน่วแน่ที่จะทำ เมื่อพระองค์จากไป
ยิ่งสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดภาพบนโลกนี้ที่เห็นความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อพระองค์ จนคนทั่วโลกหันมามองเมืองไทย และในที่สุดคนเหล่านี้จะมาเมืองไทย มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ตัวเองว่า เขาได้มาร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยแด่พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของโลก