สุราษฎร์ธานี/ชุมพร - อดีตนักมวยชื่อดัง เทิดศักด์ธานี สิงห์ธานี วัย 68 ปี เดิน-วิ่งจากสุราษฎร์ธานี เพื่อไปกราบพระบรมศพที่กรุงเทพมหานคร ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขณะที่นักท่องเที่ยวออสซี่ ได้เดิน-วิ่งเข้าสู่เขตจังหวัดชุมพรแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (24 ต.ค.) นายสมทบ วิเชียรจินดา อดีตนักมวยชื่อดัง เทิดศักด์ธานี สิงห์ธานี อายุ 68ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 ม.2 ต.ทุ่งกง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ออกเดินเท้าและวิ่งจากบ้านที่ทุ่งกง อำเภอกาญจนดิษฐ์ ผ่านตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยแต่งตัวสวมหมวก ใส่เสื้อสีขาว กางเกงลายทหารขาสั้น ข้างตัวสะพายเป้ผ้า ที่คอห้อยภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดย นายสมทบ วิเชียรจินดา ได้บอกว่า หลังจากทราบข่าวว่าพระองค์สวรรคตทำให้เกิดความเศร้าโศก เกิดความท้อแท้ และหมดกำลังใจไม่เป็นทำอะไร แต่เมื่อมีข่าวมีคนเดินไป กทม.จึงเกิดกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมา โดยมีความตั้งใจที่จะเดินอย่างน้องวันละ 50 กิโลเมตร เพื่อเข้ากราบพระบรมศพ และร่วมแสดงความอาลัยกับประชาชนที่ท้องสนามหลวง สำหรับตนนั้นอดีตเป็นทหารเกณฑ์ และเป็น อส.อำเภอ อส.จังหวัด พร้อมกันนี้ ยังเป็นนักมวยที่ใช้ชื่อ เทิดศักด์ธานี สิงห์ธานี ตระเวนต่อยมาทั้งใน กทม. และต่างจังหวัดมากกว่า 30 ครั้ง ซึ่งการเดินวิ่งในครั้งนี้ตนจะถึงที่หมายตามกำหนดที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน เพราะร่างกายไม่มีโรคประจำตัว มีการออกกำลังอยู่สม่ำเสมอ ร่างกายแข็งแรง
สำหรับการเดินของ นายสมทบ มีทั้งเดิน และวิ่งสลับกันไปโดยไม่ค่อยให้ความสนใจผู้ที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างทาง แต่มีเป้าหมายพักนอนในพื้นที่อำเภอไชยา และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธา คอยขับรถติดตามดูแลอยู่
ส่วนหนุ่มออสซี่เดินเท้าจากสุราษฎร์ธานี ถึงชุมพรแล้วเพื่อไปแสดงความอาลัยพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยเมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน นายไมเคิล แฮมมิล หนุ่มนักท่องเที่ยวสัญชาติออสเตรเลีย ที่ได้ออกเดินเท้าจากอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.59 ที่ผ่านมา เพื่อไปลงนามแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มุ่งหน้าไปกรุงเทพมหานคร ได้เดินมาถึงเขตท้องที่ อ.ละแม จ.ชุมพร โดยมีรถตำรวจทางหลวงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจ สภ.ท่าชนะ และหน่วยกู้ภัยเกาะมุกด์ หน่วยกู้ภัย สภ.ท่าชนะ นำหน้า และปิดท้ายอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยมาส่งยังเขตรอยต่อระหว่าง 2 จังหวัด
โดย นายไมเคิล แฮมมิล มีสีหน้ายิ้มแย้ม และโบกมือทักทายกับชาวบ้าน และรถที่วิ่งสัญจรผ่านไปมา พร้อมถือพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดเวลา โดยระหว่างการทางมีชาวบ้านนำสิ่งของมามอบให้ พร้อมทั้งขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกตลอดเส้นทาง
