ศูนย์ข่าวภูเก็ต - 2 คนร้ายเหิมหนัก ก่อเหตุชิงทรัพย์ในพื้นที่เมืองภูเก็ต 3 ครั้งในคืนเดียว โหดแทงผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ก่อนควบ จยย.คู่ใจไปก่อเหตุซ้ำในพื้นที่ถลางอีก 1 ครั้ง ตำรวจส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดเร่งไล่ล่าตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
เมื่อเวลา 03.48 น. วันนี้ (12 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกแทง จำนวน 4 ราย มารักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง ร.ต.อ.อัครเดช พงศ์พรหม รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.นฤบดินทร์ ปังหลีเส็น สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งจากการตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน และทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เหตุที่ 1 นายสุริยะ สุขเพ็ง อายุ 21 ปี ถูกแทงเข้าที่ลำตัวได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส บอกว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.40 น.วันเดียวกัน ขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์กลับมาจากซอยบิ๊กซันสามกอง ต.ตลาดใหญ่ เพื่อที่จะกลับบ้านพักหมู่บ้านอิรวดี บายพาส ต.รัษฎา เมื่อขับมาถึงซอย 7 บายพาส ม.5 ต.รัษฎา ได้ถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน คนที่ 1 ตัวเล็ก สวมเสื้อออกสีเหลือง คนที่ 2 รูปร่างท้วม สวมเสื้อแขนยาวควันบุหรี่ สวมหมวกกันน็อก ใช้ผ้าปิดจมูกทั้ง 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีขาว/ฟ้า/ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ได้ใช้อาวุธมีดแทงชิงทรัพย์เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ VIVO จำนวน 1 เครื่อง หลบหนีไปตามถนนประชาอุทิศ-สามกอง
เหตุที่ 2 นายอภิวัฒน์ คีรีวงศ์ อายุ 26 ปี ถูกแทงเข้าที่แผ่นหลังได้รับบาดเจ็บ บอกว่า เมื่อเวลา 02.50 น.วันเดียวกัน ขณะที่ตนขับจักรยานยนต์กลับมาจากที่ทำงานในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เพื่อกลับบ้านพัก เมื่อขับรถมาถึงสามแยกโบ๊ทพลาซ่า (คาร์แคร์) ได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน คนที่ 1 ตัวเล็ก สวมเสื้อออกสีเหลือง คนที่ 2 รูปร่างท้วม สวมเสื้อแขนยาวควันบุหรี่ สวมหมวกกันน็อก ใช้ผ้าปิดจมูกทั้ง 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีขาว/ฟ้า/ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ได้เรียกขอเงินตน 20 บาท แต่ตนไม่ยอมจอด และได้ขับรถไปจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาลักกงษี ม.5 ต.รัษฎา แล้วตนได้เข้าไปภายในร้าน จากนั้นคนร้ายได้จอดรถหน้าร้านดังกล่าว และเดินตามเข้าไปภายในร้าน ตนก็ได้เดินหนีคนร้าย ต่อมา เมื่อตนเห็นคนร้ายออกจากร้านตนจึงได้เดินออกมานอกร้าน จากนั้นได้ถูกคนร้ายใช้ปืนปลอมขู่ และใช้มีดแทงตนได้รับบาดเจ็บ และชิงทรัพย์กระเป๋าสตางค์ได้เงินไป 600 บาท และเอกสารอื่นๆ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนเหตุที่ 3 นายสุทธินันท์ ทองหมื่น อายุ 23 ปี ถูกแทงเข้าที่บริเวณชายโครงด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บ และนายตุลาการ ธรรมขันธ์ อายุ 23 ปี ถูกแทงเข้าที่บริเวณราวนมด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส บอกว่า เมื่อเวลา 03.00 น. ขณะที่ตน และนายตุลาการได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจาก อ.ถลาง เมื่อถึงบริเวณหน้าบริษัท โตโยต้าชัวร์ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (บายพาส) ต.เกาะแก้ว ได้ถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน คนที่ 1 ตัวเล็ก สวมเสื้อออกสีเหลือง คนที่ 2 รูปร่างท้วม สวมเสื้อแขนยาวควันบุหรี่ สวมหมวกกันน็อก ใช้ผ้าปิดจมูกทั้ง 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีขาว/ฟ้า/ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เรียกให้ตนหยุดรถ หลังจากนั้น 2 คนร้ายได้ใช้อาวุธมีดพยายามจะแทงตน และนายตุลาการ แต่ตน และนายตุลาการ ได้พยายามต่อสู้จนถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บ ได้โทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง จากนั้นได้ขับรถหลบหนีไปทาง อ.ถลาง อย่างรวดเร็ว
เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากที่ตนเองทราบเรื่องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่โรงพยาบาลทันที เนื่องจากเป็นก่อเหตุที่อุกอาจมาก และเป็นการชิงทรัพย์ต่อเนื่อง โดยแต่ละเหตุการณ์คนร้ายใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ซึ่งขณะนี้ได้เรียกประชุมชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต อย่างเร่งด่วนเพื่อเร่งคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็ว โดยได้แบ่งงานกันทำออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกให้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุ และหลบหนี และอีก 1 ชุดให้ลงพื้นที่สอบปากคำพยานแวดล้อม และสอบปากคำผู้เสียหาย โดยคดีดังกล่าวคืบหน้าไปมากแล้ว และฝากประชาสัมพันธ์ถึงชาวภูเก็ตหากท่านใดมีเบาะแสของ 2 คนร้ายสามารถแจ้งเบาะแสมายัง สภ.เมืองภูเก็ต ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเมื่อเวลาประมาณ 06.50 น. 2 คนร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่เมืองน่าจะไปก่อเหตุชิงทรัพย์ในพื้นที่ อ.ถลาง อีก 1 ครั้งด้วย แต่ต้องตรวจสอบกล้องวงจรอย่างละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนั้น ในเวลาประมาณ 14.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.ธีรพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต จะเรียกประชุมชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้องเร่งด่วนเพื่อเร่งรัดให้จับกุมคนร้ายให้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นการก่อเหตุที่อกอาจเป็นอย่างมาก