นราธิวาส - ททท.สำนักงานนราธิวาส รุกตลาดท่องเที่ยว จชต. หนุนโครงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ชูจุดเด่นพื้นที่พหุวัฒนธรรม มุสลิม-พุทธ-จีน เป็นจุดขาย ตั้งเป้าปี 2560 เฉพาะรายได้นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 2,455 ล้านบาท
น.ส.มัณฑนา ภูธรารักษ์ ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานนราธิวาส ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 3 จังหวัด คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ได้ดำเนินโครงการกระตุ้น และส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยวตลอดปี 2559 ต่อเนื่องถึงปี 2560 เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างภูมิภาคที่สนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวพื้นที่ โดยดำเนินการหลากหลายลักษณะ เช่น โครงการตามรอยวัฒนธรรมชายแดนใต้ ซึ่งได้รับความสนใจมาก เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้มีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเชื่อความศรัทธาที่หลากหลาย เป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นวิถีมุสลิม พุทธ หรือคนไทยเชื้อสายจีนซึ่งอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
“ตรงนี้จึงเป็นจุดขายที่โดดเด่นในพื้นที่ของเราที่จะไปประชาสัมพันธ์ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างภูมิภาคได้เห็น และเกิดความสนใจที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว เพื่อที่จะได้เรียนรู้วิถีชีวิตวัฒนธรรมที่ต่างไปจากตนเอง”
นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งเชิงประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ทำให้เป็นบรรยากาศการท่องเที่ยวที่หลากหลายแต่มีจุดเน้นในแต่ละจังหวัดแตกต่างกัน เช่น จ.ปัตตานี เน้นการท่องเที่ยวในลักษณะการเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม หรือเชิงประวัติศาสตร์ ส่วน จ.ยะลา มีแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่สร้างความฮือฮาอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา นั่นคือ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อ.เบตง ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสวันละกว่า 3,000 คน และต่างประทับใจ ส่งผลให้เกิดการเชื่อมโยงไปถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ใน อ.เบตง ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ หรือกิจกรรมล่องแก่ง ฯลฯ
“ตรงนี้เองทำให้เราสามารถจัดเส้นทางท่องเที่ยวอย่างหลากหลายในการเสนอขายให้นักท่องเที่ยว โดยการกระตุ้นผ่านบริษัทท่องเที่ยวจากส่วนกลาง เช่น กรุงเทพฯ หรือปริมณฑล เพื่อเสนอขายแพกเกจทัวร์ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจ โดยทำเส้นทางเชื่อมต่อ ปัตตานี-เบตง ปัตตานี-นราธิวาส ทำให้เกิดการท่องเที่ยวแบบเชื่อมต่อทั้ง 3 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส บางเส้นทางเราทำแพกเกจท่องเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน หรือ 3 คืน 2 วันให้เลือกได้”
ทั้งนี้ ททท.สำนักงานนราธิวาส ได้ร่วมสนับสนุนต้นทุนดำเนินงานแก่บริษัทท่องเที่ยวที่เสนอขายทัวร์ด้วยการบริการจัดเลี้ยงอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อเป็นเสมือนการต้อนรับ สร้างความอบอุ่น และก่อให้เกิดความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในแต่ละทริป มีการตั้งเป้าหมายว่าโครงการตามรอยวัฒนธรรมชายแดนใต้จะทำให้มีนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีอย่างน้อย 500 คน มีการใช้จ่ายจากการเดินทางแต่ละทริปไม่น้อยกว่า 2.2 ล้านบาท
นอกจากนี้ มีอีกหลากหลายโครงการที่เป็นการส่งเสริมด้านการตลาดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น มีการแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มของพี่น้องมุสลิม เพื่อดำเนินตามโครงการ “สลามัตชายแดนใต้” มีการเสนอขายในประเด็นการเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงศาสนาให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิมต่างภูมิภาค โดยการนำสมาชิกชุมชนมุสลิมในพื้นที่ไปทำหน้าที่คล้ายนักขาย และทำการประชาสัมพันธ์ด้วย เพื่อก่อให้เกิดความน่าสนใจ เป็นการเชื่อมกับชุมชนมุสลิมในภาคกลาง เช่น จ.ฉะเชิงเทรา นนทบุรี หรือ จ.อยุธยาฯ เป็นต้น ทำให้มีการเดินทางท่องเที่ยว เข้ามาพบปะ เยี่ยมเยียนตลอดทั้งปีตามเป้า 500 คนต่อโครงการ และยังมีโครงการส่งเสริมและสนับสนุนเทศกาล หรือประเพณีท่องถิ่นเพื่อสร้างสีสัน และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นในแต่ละเดือนอีกด้วย
สำหรับแนวโน้มด้านการท่องเที่ยวในอนาคต เนื่องด้วยงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาแต่ละปีมีจำนวนไม่มากนัก จึงพยายามนำมาใช้ดำเนินโครงการต่างๆ ให้คุ้มค่าที่สุด ประชาชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดผ่านการพูดคุยปรึกษาหารือกันถึงเรื่องกลยุทธ์การตลาดว่าแต่ละห้วงเวลาควรจะเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มไหนบ้าง เช่น กลุ่มความเชื่อความศรัทธา กลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิม หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน มีการแบ่งนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มย่อยออกไป แล้วเจาะตลาดโดยตรงว่าจะดึงนักท่องเที่ยวต่างภูมิภาคจากจุดไหนได้บ้างจึงต้องมีการสำรวจตลาด พิจารณากลุ่มลูกค้า รวมถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอยู่เป็นระยะๆ และต่อเนื่อง
“สรุปสถานการณ์ปี 2558 ที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 เป็นที่น่ายินดีว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาในพื้นที่มากขึ้น ปี 2558 มีทั้งชาวไทย และต่างประเทศทั้ง 3 จังหวัด รวม 1.5 ล้านคน ทำให้มีรายได้กว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนปี 2560 เรามีกลยุทธ์ของการตลาดเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าจะมีงบช่วยอุดหนุนเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน จึงมีการตั้งเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เช่น เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี 2560 ตั้งเป้ารายได้ที่ประมาณกว่า 2,455 ล้านบาท หากรวมทั้งชาวต่างประเทศด้วยก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาก”
น.ส.มัณฑนา ภูธรารักษ์ ผอ.ททท.สำนักงานนราธิวาส กล่าวด้วยว่า ส่วนของสถานการณ์ในพื้นที่ หากมองข้ามปัญหาอุปสรรคตรงนี้ไปได้เชื่อว่ายังมีนักท่องเที่ยวอีกมากที่สนใจมาสัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่สวยงาม อยากมาเยี่ยมเยือนให้กำลังใจคนในพื้นที่ ทั้งนี้ อยู่ที่จังหวะเวลาของแต่ละคนว่าที่จะมีมากน้อยเพียงใด และตรงจุดนี้คือกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญเชิงการตลาด กลยุทธ์ทางการตลาดของ ททท.ในปี 2560 จึงจะมุ่งเน้นเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพเป็นพิเศษ
“คงต้องมีการร่วมมือช่วยเหลือกันหลายๆ ฝ่ายในการพัฒนา หากต้องการให้นักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพ หรือกลุ่มที่มีคุณภาพเข้ามา เราต้องยอมรับตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ควรพัฒนามาตรฐานสินค้าและบริการในระดับหนึ่ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เกิดความพึงพอใจ สิ่งที่ดีอยู่แล้วพยายามรักษามาตรฐานไว้ ส่วนที่กำลังพัฒนาเพื่อยกระดับตัวเองก็ต้องเร่งทำเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในปี 2560 ให้ได้”