ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ต เตรียมชงเมกะโปรเจกต์หลายๆ โครงการขอการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ หวังให้เกิดขึ้นให้ได้ ทั้งรถไฟฟ้ารางเบา ถนน 12 เลน อุโมงค์ป่าตอง รวมทั้งขอปัดฝุ่นศูนย์ประชุมฯ ให้เอกชนลงทุนแทนรับ เพื่อเปลี่ยนโฉมระบบคมนาคมบนเกาะสวรรค์แห่งนี้ให้ทันต่อการเติบโตด้านการท่องเที่ยวปีละ 13-14 ล้านคน
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการขอการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ในการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 16 ก.ย.2559 ว่า ในวันที่ 16 ก.ย.2559 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดภูเก็ต โดยการเป็นประธานเปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ ก่อนที่จะเดินทางไปยังโรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท เพื่อเปิดงาน Startup Thailand & Digtal Thailand พร้อมทั้งเดินทางมาพบปะประชาชนชาวภูเก็ต และประชุมหารือกับคณะกรรมการ กรอ.ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้อันดามัน ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตจะนำเสนอโครงการต่างๆ ของจังหวัดเพื่อขอการสนับสนุนโครงการจากนายกรัฐมนตรีต่อไป
นายจำเริญ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการที่ทางจังหวัดภูเก็ต ขอให้ทางนายกรัฐมนตรีช่วยผลักดันให้เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นโครงการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ๆ ทั้งหมด ซึ่งบางโครงการอยู่ในขั้นตอนการศึกษาออกแบบและความเป็นไปได้ของโครงการ การพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) การของบประมาณมาดำเนินการ เป็นต้น ซึ่งโครงการที่จะนำเสนอของบอย่างเร่งด่วนมีอยู่ 2 โครงการ คือ การก่อสร้างถนน 4 เลน สายอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร-ป่าคลอก ระยะทาง 13 กิโลเมตร งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างถนนสายฉลอง (วัดหลวงปู่สุภา)-ป่าตอง เพื่อร่นระยะทางการเดินทางจากฉลองไปป่าตอง และแก้ปัญหาการจราจรติดขัด แต่โครงการดังกล่าวจะต้องตัดผ่านป่าสงวนแห่งชาติ ป่าต้นน้ำโซนเอ จึงจำเป็นที่จะต้องขออนุญาตกรมป่าไม้ในการดำเนินการและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงของบประมาณก่อสร้างอีก 100 ล้านบาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตที่เป็นโครงการขนาดใหญ่มีอยู่หลายโครงการด้วยกันที่จะขอการสนับสนุนผลักดันจากนายกรัฐมนตรี คือ โครงการรถไฟฟ้ารางเบา ที่ขณะนี้ได้มีการศึกษาออกแบบไว้แล้วเสร็จ โครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า ที่บ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง โดยทางจังหวัดภูเก็ต ต้องการที่จะให้รัฐบาลทบทวนพิจารณานำโครงการนี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ หลังจากที่โครงการถูกพับไปแล้วระยะหนึ่ง เนื่องจากยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการก่อสร้าง และโครงการดังกล่าวทางจังหวัดจะเสนอให้ทางรัฐบาลพิจารณาให้เอกชนเข้ามาลงทุน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือมาถึงจังหวัดภูเก็ต ว่า มีเอกชนเสนอผ่านมาทางกระทรวงมหาดไทยในการเสนอตัวเข้ามาลงทุนโครงการศูนย์ประชุมฯที่ภูเก็ต ซึ่งหากศูนย์ประชุมฯ เกิดขึ้นได้จะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในส่วนของหัวเกาะภูเก็ต และเอื้อประโยชน์ไปยังจังหวัดพังงา และกระบี่อีกด้วย
นอกจากนี้ จะนำเสนอให้ทางนายกรัฐมนตรี สนับสนุนโครงการอุโมงค์กะทู้-ป่าตอง ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ยังไม่ผ่านการเห็นชอบ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา และเห็นความจำเป็นของโครงการอุโมงค์กะทู้-ป่าตอง ที่จะลดปัญหาและอุบัติเหตุบนเขาป่าตอง เป็นต้น และโครงการก่อสร้างถนนสายใหม่ สายบ้านสาคู-เกาะแก้ว ระยะทาง 22 กิโลเมตร ที่ขณะนี้ทางกรมทางหลวงกำลังศึกษาออกแบบรายละเอียดของโครงการให้เกิดขึ้น เพราะเป็นโครงการที่มีความจำเป็นในการแก้ปัญหากาจราจรของภูเก็ต เป็นถนนซูเปอร์ไฮเวย์ 12 เลน ที่จะคู่ขนานไปกับถนนเทพกระษัตรี
นายจำเริญ กล่าวในตอนท้าย ว่า หากโครงการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต เกิดขึ้นได้และเสร็จจามเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2565 ที่จะถึงนี้ จะทำให้ภูเก็ตเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการคมนาคม ที่จะมีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รับการการเติบโตทางการท่องเที่ยวของภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 13-14 ล้านคน
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการขอการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ในการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 16 ก.ย.2559 ว่า ในวันที่ 16 ก.ย.2559 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดภูเก็ต โดยการเป็นประธานเปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ ก่อนที่จะเดินทางไปยังโรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท เพื่อเปิดงาน Startup Thailand & Digtal Thailand พร้อมทั้งเดินทางมาพบปะประชาชนชาวภูเก็ต และประชุมหารือกับคณะกรรมการ กรอ.ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้อันดามัน ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตจะนำเสนอโครงการต่างๆ ของจังหวัดเพื่อขอการสนับสนุนโครงการจากนายกรัฐมนตรีต่อไป
นายจำเริญ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการที่ทางจังหวัดภูเก็ต ขอให้ทางนายกรัฐมนตรีช่วยผลักดันให้เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นโครงการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ๆ ทั้งหมด ซึ่งบางโครงการอยู่ในขั้นตอนการศึกษาออกแบบและความเป็นไปได้ของโครงการ การพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) การของบประมาณมาดำเนินการ เป็นต้น ซึ่งโครงการที่จะนำเสนอของบอย่างเร่งด่วนมีอยู่ 2 โครงการ คือ การก่อสร้างถนน 4 เลน สายอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร-ป่าคลอก ระยะทาง 13 กิโลเมตร งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างถนนสายฉลอง (วัดหลวงปู่สุภา)-ป่าตอง เพื่อร่นระยะทางการเดินทางจากฉลองไปป่าตอง และแก้ปัญหาการจราจรติดขัด แต่โครงการดังกล่าวจะต้องตัดผ่านป่าสงวนแห่งชาติ ป่าต้นน้ำโซนเอ จึงจำเป็นที่จะต้องขออนุญาตกรมป่าไม้ในการดำเนินการและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงของบประมาณก่อสร้างอีก 100 ล้านบาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตที่เป็นโครงการขนาดใหญ่มีอยู่หลายโครงการด้วยกันที่จะขอการสนับสนุนผลักดันจากนายกรัฐมนตรี คือ โครงการรถไฟฟ้ารางเบา ที่ขณะนี้ได้มีการศึกษาออกแบบไว้แล้วเสร็จ โครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า ที่บ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง โดยทางจังหวัดภูเก็ต ต้องการที่จะให้รัฐบาลทบทวนพิจารณานำโครงการนี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ หลังจากที่โครงการถูกพับไปแล้วระยะหนึ่ง เนื่องจากยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการก่อสร้าง และโครงการดังกล่าวทางจังหวัดจะเสนอให้ทางรัฐบาลพิจารณาให้เอกชนเข้ามาลงทุน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือมาถึงจังหวัดภูเก็ต ว่า มีเอกชนเสนอผ่านมาทางกระทรวงมหาดไทยในการเสนอตัวเข้ามาลงทุนโครงการศูนย์ประชุมฯที่ภูเก็ต ซึ่งหากศูนย์ประชุมฯ เกิดขึ้นได้จะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในส่วนของหัวเกาะภูเก็ต และเอื้อประโยชน์ไปยังจังหวัดพังงา และกระบี่อีกด้วย
นอกจากนี้ จะนำเสนอให้ทางนายกรัฐมนตรี สนับสนุนโครงการอุโมงค์กะทู้-ป่าตอง ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ยังไม่ผ่านการเห็นชอบ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา และเห็นความจำเป็นของโครงการอุโมงค์กะทู้-ป่าตอง ที่จะลดปัญหาและอุบัติเหตุบนเขาป่าตอง เป็นต้น และโครงการก่อสร้างถนนสายใหม่ สายบ้านสาคู-เกาะแก้ว ระยะทาง 22 กิโลเมตร ที่ขณะนี้ทางกรมทางหลวงกำลังศึกษาออกแบบรายละเอียดของโครงการให้เกิดขึ้น เพราะเป็นโครงการที่มีความจำเป็นในการแก้ปัญหากาจราจรของภูเก็ต เป็นถนนซูเปอร์ไฮเวย์ 12 เลน ที่จะคู่ขนานไปกับถนนเทพกระษัตรี
นายจำเริญ กล่าวในตอนท้าย ว่า หากโครงการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต เกิดขึ้นได้และเสร็จจามเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2565 ที่จะถึงนี้ จะทำให้ภูเก็ตเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการคมนาคม ที่จะมีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รับการการเติบโตทางการท่องเที่ยวของภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 13-14 ล้านคน
