ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สาวเจ้าของร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ร้องสื่อ อบจ.ทำสัญญาเอื้อประโยชน์ให้ผู้เช่าสินค้าบางรายในอาคารพักคอย ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ร้องหลายหน่วยงานแต่ไม่ได้รับการแก้ไข หันพึ่งสื่อ ก่อนเตรียมร้องนายกรัฐมนตรี
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (14 ก.ย.) ที่ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต น.ส.อารยา จอมประดิษฐ์ อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดภูเก็ต เดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสัญญาเช่าพื้นที่ขายสินค้าในอาคารพักคอย ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้เช่าพื้นพื้นที่อีกฝ่าย โดยก่อนหน้านี้ ในสัญญาเช่าระบุให้คู่กรณีขายอาหารและเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว แต่หลังจากที่ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ได้เสียชีวิตลง ก็ได้มีการทำสัญญาเช่าใหม่ ในสัญญาเช่าฉบับใหม่ได้ระบุให้ผู้เช่าคู่กรณีที่อยู่ติดกันขายสินค้าเบ็ดเตล็ดเพิ่มอีก 1 รายการ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในสัญญาเช่าก็ระบุชัดเจนว่า ห้ามขายสินค้าที่มีลักษณะเหมือนกัน ทำให้ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม จากสัญญาเช่าฉบับใหม่ เคยร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ทั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 แต่ก็ไม่มีหน่วยงานใดแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จึงเดินทางมาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวในวันนี้
น.ส.อารยา จอมประดิษฐ์ กล่าวว่า ตนได้เข้าไปขายสินค้าในอาคารพักคอย ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ตั้งแต่เมื่อปี 2545 ซึ่งในขณะนั้นได้เข้ามาช่วยขายสินค้าให้แก่ร้านหมี่ต้นโพธิ์ จากนั้นเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงปี 2547 เจ้าของผู้เช่ารายเดิมได้ยกเลิกสัญญา ตนจึงได้ยื่นเอกสารขอทำสัญญาเช่ากับ อบจ.จนถึงปัจจุบัน โดยล่าสุด เซ็นสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2559 โดยสัญญาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 พ.ย.2561
การเซ็นสัญญาล่าสุด อบจ.มีการเอื้อประโยชน์ให้ผู้เช่าพื้นที่อีกฝ่ายหนึ่งที่มีพื้นที่ติดกันขายสินค้าเพิ่มมาอีก 1 รายการ คือ สินค้าเบ็ดเตล็ดเหมือนกับของทางร้านตนที่ขายอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากันหลายครั้งแล้ว แต่ทาง นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ในสมัยนั้นได้เข้ามาไกล่เกลี่ยเจรจาปัญหาที่เกิดขึ้น โดยห้ามให้ตนขายสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม และห้ามให้ผู้เช่าที่อยู่ติดกันขายสินค้าเบ็ดเตล็ด แต่ในสัญญาล่าสุด อบจ.ที่มีปลัด อบจ.รักษาการนายก อบจ.ได้เปิดให้พื้นที่เช่าของคู่กรณีเปิดขายสินค้าเบ็ดเตล็ดอีก 1 รายการ ทำให้ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนสัญญาเช่าของ อบจ.ดังกล่าว ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อล่วงเลยมา 4 เดือนแล้ว ทำให้ตนได้รับความเดือนร้อนอย่างหนัก ยอดขายลดลงทุกวัน ถูกขายสินค้าตัดราคา และแนะนำลูกค้าให้มาคืนสินค้าของร้านแล้วแนะนำลูกค้าไปซื้อสินค้าของผู้เช่าคู่กรณี บ้างก็เอาสินค้ามาบดบังหน้าร้านของตนเพื่อไม่ให้ลูกค้าเข้ามาในร้านของตน แถมพูดจาเยาะเย้ย ถากถาง ยั่วยุให้ตนโมโห ทำให้ตนเสียสุขภาพจิต และเกิดการทะเลาะกันหลายครั้ง
“ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแต่ถูกถูกเพิกเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลที่เป็นธรรม จึงเดินทางมาพึ่งสื่อมวลชนเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้หน่วยงานราชการลงมาแก้ไขปัญหาโดยไม่เอนเอียง เพื่อให้ตนได้รับความเป็นธรรมเหมือนอย่างเช่นในอดีตที่ต่างฝ่ายต่างขายอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นอกจากนั้น ได้ทำเอกสารเพื่อเดินทางไปร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่เดินทางมาพบปะประชาชน และประชุม กรอ.ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ด้วย ซึ่งคิดว่าหากหน่วยงานทุกหน่วยงานในจังหวัดภูเก็ตที่เคยไปร้องเรียนแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จำเป็นต้องขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี”
